พรรคสร้างอนาคตไทย ผนึก “เครือข่ายการเมืองวิถีใหม่-กลุ่มเศรษฐกิจฐานราก” ขับเคลื่อนนโยบาย “สร้างการเมืองวิถีใหม่” หวังเป็นหนึ่งฟันเฟือง สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง
วันที่ 4 ม.ค.2566 ที่โรงแรมปริ๊นซ์ตั้น กรุงเทพฯ ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และ ประธานนโยบายพรรคสอท. ร่วมกับเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่และเครือข่ายเศรษฐกิจฐานราก จัดสัมมนาเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่ร่วมสร้างอนาคตประเทศไทย โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 100 คน ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 มกราคม 2566ดร.สันติ กล่าวว่า การสร้างการเมืองวิถีใหม่ เป็นหนึ่งในนโยบาย 5 สร้าง ของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นในสังคมไทย ผลักดันภาคสังคมให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย เล่นกีฬาสี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ซึ่ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวอยู่เสมอว่า “ประเทศจะพัฒนาไปได้ดีในทุกด้าน หากมีการเมืองที่ดี” ดังนั้น พรรคสร้างอนาคตไทย จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวไปด้วยกัน“พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ได้เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าพรรคนี้เป็นพรรคของประชาชน และมีความมุ่งหวังจะเป็นฟันเฟืองเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศที่ย่ำอยู่บนความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน ให้ก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ซึ่งการจะประสบความสำเร็จ หัวใจสำคัญคือความร่วมมือของทุกคนในวันนี้ ทุกความแข็งแรง ต้องสร้างจากฐานราก การเมืองก็เช่นเดียวกัน ผมยินดีต้อนรับทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมที่จะสร้างรากฐานที่มั่งคงของระบบการเมืองประเทศไทยไปด้วยกัน เพราการเมืองวิถีใหม่ ประชาธิปไตย ต้องเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่การเมืองแค่หย่อนบัตรเลือกตั้ง หรือเป็นการเมืองของนักการเมือง” ดร.สันติ กล่าวดร.สันติ กล่าวต่อว่า กิจกรรมสัมนาในวันนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของพรรคสร้างอนาคตไทย ในการขับเคลื่อนนโยบาย “สร้างการเมืองวิถีใหม่” ไปสู่ความสำเร็จ โดยมีตัวแทนเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่และเครือข่ายเศรษฐกิจฐานรากจากทั่วประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน โดยการสัมมนาครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความเข้าใจในทิศทางการขับเคลื่อนแนวนโยบายร่วมกันแล้ว ยังจะเป็นการนำเสนอแผนปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพรรคสร้างอนาคตไทยและเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่และเครือข่ายเศรษฐกิจฐานรากอีกด้วย.