พท. ชี้ แก้ รธน.ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือก “นายกฯ” ปชช. ได้ประโยชน์ 4 ประการ

“นพดล ปัทมะ” รองประธานคณะกก.ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยันยื่นแก้ รธน. มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวต นายกฯ ก่อนสภาครบวาระ เพื่อประชาชนได้ประโยชน์ 4 ประการ ปัดปูทาง แลนด์สไลด์

วันที่ 17 ธ.ค.2565 นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง การที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขมาตรา 272 ที่ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในการโหวตตัวนายรัฐมนตรีนั้น พรรคเคยยื่นเสนอแก้ประเด็นนี้มาแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ การยื่นแก้ไขครั้งนี้น่าจะเป็นการยื่นครั้งสุดท้ายก่อนสภาครบวาระ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่เสียงของสมาชิกรัฐสภา

ทั้งนี้การยื่นแก้ไขเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรคที่เห็นว่ายิ่งกติกาสูงสุดเป็นประชาธิปไตยมากเพียงใด ประชาชนจะได้ประโยชน์มากเพียงนั้น และจะนำไปสู่การเมืองที่มั่นคงเข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นรากฐานของความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจต่อไป

นายนพดล กล่าวว่า มีคนถามว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไปเพื่อประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ชนะแบบแลนด์สไลด์หรือไม่ ตนมองว่าไม่เกี่ยวกัน พรรคจะชนะแลนด์สไลด์หรือไม่ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่การยื่นแก้ไขมาตรา 272 ที่จะให้เฉพาะสภาผู้แทนฯซึ่งสมาชิกมาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเป็นผู้ให้ความเห็นชอบตัวนายกฯนั้น คนไทยจะได้ประโยชน์อย่างน้อย 4 ประการคือ

1) เป็นการคืนอำนาจให้คนไทยสามารถมีส่วนในการสนับสนุนแคนดิเดทนายกฯที่ตนต้องการมากกว่าการให้ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจให้ความเห็นชอบตัวนายกฯ

2)ทำให้ตัวนายกฯสะท้อนเจตจำนงของคนไทยมากขึ้น ความกลมเกลียวทางการเมืองจะมากขึ้น 3) ทำให้การเห็นชอบตัวนายกฯ เป็นประชาธิปไตยและมีความสง่างามมากขึ้น

4) เป็นการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศว่ามีกติกาที่เป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง เป็นบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ดีไซน์เพื่อคนไทยทุกคน ไม่ใช่ดีไซน์เพื่อพวกเรา ตามที่มีคนเคยพูดไว้

“วันนี้เราต้องก้าวข้ามตัวบุคคล และกติกาที่ไม่เป็นธรรมไปสู่หลักการที่ศิวิไลซ์และเป็นธรรม การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนไทยสามารถออกแบบกติกาที่เป็นประชาธิปไตยได้หรือไม่ ทุกพรรคการเมือง ทุกแคนดิเดทนายกฯถ้าต้องการมาทำงานให้บ้านเมืองก็มีสิทธิทำได้ แต่ควรอยู่ภายใต้กติกาที่เท่าเทียมเป็นธรรม แข่งกันอย่างมีศักดิ์ศรี แล้วให้ผลการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมเป็นตัวสะท้อนเจตจำนงของประชาชนว่าต้องการให้พรรคใดไปบริหารประเทศ ถ้าเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง การเมืองจะมั่นคง” นายนพดล กล่าว