จุฬาฯ มอบ เลขาธิการคณะกก.อิสลามฯ พบสำนักงานพระพุทธฯ เอาผิดคนดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอาน

จุฬาราชมนตรี มอบหมายให้ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เข้าพบสำนักงานพระพุทธศาสนา ดำเนินการเอาผิดกรณีมีผู้ห่มเหลือง แต่กายคล้ายพระภิกษู ใช้วาจาและมีพฤติกรรมจาบจ้วงหลักความเชื่อของศาสนาอิสลาม ห่วงเป็นชนวนสร้างความแตกแยกของพี่น้องไทยพุทธ และ มุสลิม

วันที่ 29 พ.ย. 2565 เวลา 10.30 น. นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้มอบหมายคณะผู้แทนฯ ประกอบด้วย ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี, พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, นายสุธรรม บุญมาเลิศ เลขานุการจุฬาราชมนตรี นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการ จุฬาราชมนตรี และ นายวุฒิชัย ธรรมนิยมกุล รองเลขานุการ จุฬาราชมนตรี เข้ายื่นหนังสือต่อ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แสดงความกังวลต่อกรณีที่มีบุคคลแต่งกายพระภิกษุใช้วาจาและพฤติกรรมจาบจ้วงหลักความเชื่อในศาสนาอิสลามด้วยการใช้เท้าเหยียบลงบนพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ดังปรากฏในโซเชียลมีเดีย การกระทำดังกล่าวสร้างความรู้สึกเจ็บปวดและความโกรธเคืองให้กับพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างยิ่ง จุฬาราชมนตรี มีความห่วงใยและกังวลว่าการกรทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องชาวไทยพุทธและมุสลิมในสังคมไทย ในการนี้ นายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ชี้แจงต่อคณะผู้แทนฯ ว่า การกระทำดังกล่าวได้ก็สร้างความกังวลและความไม่พอใจต่อชาวไทยพุทธที่รักสันติเช่นกัน ทั้งนี้โมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ออกหนังสือประณามต่อพฤติกรรมดังกล่าวแล้วทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ตรวจสอบประวัติและที่อยู่ของบุคคลดังกล่าวเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ติดตามสอบถามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้เร่งติดตามผู้กระทำการมาดำเนินคดีโดยเร่งด่วน เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยพุทธและมุสลิม

ในช่วงท้ายของการหารือ ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ได้เสนอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาและกระทรวงวัฒนธรรมใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น ในการดำเนินกิจกรรมและวางมาตรการต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างองค์กรศาสนาเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและป้องปรามเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย.