แม่ทัพภาคที่4 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า เหตุ “คาร์บอมบ์” ภายในแฟลตำรวจ นราธิวาส พร้อม สั่งยกระดับรปภ.ขั้นสูงสุด กำชับทุกฝ่าย ต้อง ล่า ขบวนการป่วนใต้ให้ได้
ความคืบหน้าเหตุระเบิด “คาร์บอมบ์” ภายในบริเวณแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ถ.สุริยะประดิษฐ์ เทศบาลเมืองนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีกจำนวนมากนั้น ล่าสุดวานนี้ (23 พ.ย.65) พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ พร้อมด้วย พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้เร่งติดตามหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย โดยเฉพาะที่มาของยานพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุ เส้นทางหลบหนีจากกล้องวงจรปิด และพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อสาวถึงต้นต่อของกลุ่มขบวนการ
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่มาก่อเหตุในพื้นที่คนอาศัย ไม่เฉพาะเจาะจงทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่หากรู้ว่าที่นี่มีครอบครัว ชาวบ้าน ชุมชนอาศัยเป็นจำนวนมาก ใกล้โรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก สร้างความตื่นตระหนก และได้รับผลกระทบต่อจิตใจ รวมไปถึงเศรษฐกิจและสังคม ความเชื่อมั่นของประเทศ แม้เจ้าหน้าที่รัฐจะพยายามควบคุมและเฝ้าระวังการก่อเหตุมาตลอด ต่อไปนี้คงจะต้องเข้มงวดขึ้น ยกระดับรักษาความปลอดภัย 100 % สำหรับปัจจัยในการก่อเหตุไม่น่าจะเกิดมาจากผลของการบังคับใช้กฎหมาย เพราะพฤติกรรมของคนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี แต่ไม่ได้ตัดประเด็นไดทิ้งไป และไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการขยายผลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างแน่นอนต่อมาที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ 33 พล.ท.ศานติ ประชุมติดตามกระบวนการสอบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เส้นทางการหลบหนีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ท.อำนาจ ภู่ทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ 33 สรุปผลการดำเนินงาน หารือแนวทางอุดช่องว่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก พร้อมเน้นย้ำให้ยกระดับรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง และขอความร่วมมือให้ช่วยกันสอดส่องสิ่งผิดปกติ บุคคลและยานพาหนะต้องสงสัย แจ้งไปยังทุกช่องทาง ทั้งสายด่วน 1341 และสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร.0611732999 ได้ตลอด 24 ชม.
วันเดียวกัน กลุ่มบุคคลในนามชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาประณามการก่อเหตุคาร์บอมบ์ต่อผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ ระบุว่า จากการพูดคุยที่ผ่านมาทั้งบนโต๊ะพูดคุยอย่างเป็นทางการระหว่างภาครัฐกับกลุ่มผู้เห็นต่าง (BRN) และทั้งการพูดคุยอย่างกัลยาณมิตรระหว่างกลุ่มพุทธสันติกับกลุ่มผู้เห็นต่าง เรามีความเห็นตรงกันคือยุติความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์/เป้าหมายอ่อนแอ (soft targets) แต่ทว่าการก่อเหตุคาร์บอมบ์ในแฟลตตำรวจครั้งนี้ถือว่าเป็นการเจาะจงทำร้ายพลเรือนอย่างชัดเจน เพราะที่พักของตำรวจมิได้หมายถึงที่ทำการของตำรวจ ผู้คนที่พักอาศัยคือพลเรือนอันเป็นครอบครัวของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีลูกเมียพ่อแม่และญาติมิตร การก่อเหตุที่เจาะจงทำร้ายผู้อ่อนแอย่อมมิใช่วิสัยของนักรบผู้กล้า ผู้มีอุดมการณ์อันบริสุทธิ์ในทางต่อสู้ การวางระเบิดคาร์บอมบ์ในสถานที่เช่นนี้จึงสมควรแก่การถูกประณามอย่างยิ่ง ชมรมพุทธรักษาจชต.ขอวิงวอนให้ภาครัฐเน้นการใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุอย่างเร่งด่วนเพื่อมิให้เหตุการณ์โศกสลดนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป
รายงานข่าวแหล่งข่าวความมั่นคงนายหนึ่ง เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นกลุ่มของ นายซากีมัน กูบารู ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ตากใบ และรอยต่อ อ.สุไหงโก-ลก และอำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งทำงานด้วยกัน 4 คน ส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่ใช้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะมีการประกอบในพื้นที่ อ.ตากใบ.