“อลงกรณ์” นำ กรมประมง ปล่อยพันธ์ปู ลงทะเลประจวบฯ เพิ่มทรัพยากรให้ชุมชน

47

“กรมประมง” โชว์ ! ผลงานเด่นเพิ่ม “ปูทะเล” สำเร็จ 4 ปี 400% “เฉลิมชัย” เร่งขยายผลปล่อยพันธุ์ปูลง ทะเลประจวบคีรีขันธ์อีก 1.3 ล้านตัว หวังเพิ่มทรัพยากรประมงให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมาย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เป็นประธานพิธีปล่อยพันธุ์ปูทะเล ใน โครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงบริเวณแหล่งก่อเกิดทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง นายมนตรี ปาน้อยนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ผู้แทนสมาคมประมงประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วม ณ คลองเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์สำหรับโครงการดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมประมงร่วมกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พื้นที่บริเวณป่าชายเลนในเขตจังหวัดมีฐานทรัพยากรเพื่อการผลิต ทั้งในมิติของความหลากหลายของชนิดและปริมาณสัตว์น้ำที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริเวณพื้นที่ป่าชายเลนทำหน้าที่นิเวศบริการที่ดีแก่ชุมชน และเพื่อสนับสนุนให้ชุมชนร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของจังหวัดอย่างยั่งยืน รวมถึงเพิ่มผลผลิตปูทะเล สัตว์น้ำเศรษฐกิจในธรรมชาติ ที่มีบทบาทสำคัญในการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ และ ขานรับนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มผลผลิตปูทะเลให้ได้ปริมาณ 5,000 ตัน ในปี 2566 โดยจากข้อมูลเดิมปี พ.ศ. 2561 มีผลผลิตปูทะเล เพียง 1,600 ตัน ปี พ.ศ. 2562 มี 3,000 ตัน ปี พ.ศ. 2563 มี 3,000 ตัน และในปี พ.ศ. 2564 ผลผลิตปูทะเลในภาพรวมทั้งประเทศ มีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ตัน หรือ 4 ปีเพิ่ม 400% โดยเป็นผลผลิตปูทะเลจากการเพาะเลี้ยง 3,400 ตัน และจากผลผลิตการจับจากธรรมชาติ 2,800 ตัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่กรมประมงคาดการณ์ไว้นายอลงกรณ์ กล่าวว่า หากพูดถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ย่อมนึกถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเล ที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศ และเป็นพื้นที่มีความสำคัญทางการประมงทะเลมาตั้งแต่ในอดีต พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลถือเป็นแหล่งทำการประมงที่สำคัญและมีศักยภาพ พร้อมที่จะพัฒนาในด้านการใช้ประโยชน์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อนของสัตว์น้ำ ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ชาวประมงในพื้นที่มีการพัฒนาและสืบสานวิถีชีวิตในการทำประมงจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ปูทะเล ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นทุกปี ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผลผลิตปูทะเลที่บริโภคและใช้ประโยชน์มาจากการจับจากธรรมชาติแทบทั้งสิ้น ทำให้ทรัพยากรปูทะเลเสื่อมโทรมและลดน้อยลงเรื่อย ๆ อีกทั้งการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเปรียบเสมือนที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ทำให้สิ่งมีชีวิตรวมถึงสัตว์น้ำต่าง ๆ ลดลงไปด้วย

สำหรับการจัดกิจกรรมปล่อยปูทะเลในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชาชน และ เกษตรกรชาวกุยบุรี โดยกรมประมงได้กำหนดปล่อยพันธุ์ปูทะเล จำนวน 1,300,000 ตัว และยังได้สร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการเพาะเลี้ยงและอนุบาลปูทะเล การขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ ชีววิทยาและวงจรชีวิต เพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพและการอนุรักษ์แก่ชุมชน ซึ่งกิจกรรมดังกลาวจะเป็นการคืนความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อให้เห็นความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรต่อไป.