“นิพนธ์” ยัน ปชป.ดำรงอยู่มาถึงปีที่77 ได้ ด้วย “อุดมการณ์” ที่สืบทอดกันมา คนมีการ “ปรับเปลี่ยน” ได้แต่อุดมการณ์ “เปลี่ยนไม่ได้” ยอมรับเสียใจที่มีคนออกไปแต่ไม่เสียดาย เชื่อผู้บริหารนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายได้แน่นอน
วันที่ 10 พ.ย. 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคปชป. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีกระแสข่าว นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมย้ายพรรค ว่า ไม่ขอแสดงความเห็นอะไร ในความคิดของแต่ละคนว่า ใครคิดจะอยู่กับพรรคหรือไปจากพรรค แต่ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ดูแลทุกคน ให้ความสำคัญกับทุกคนที่อยู่ในพรรค การที่จะไปอยู่พรรคอื่น เป็นเรื่องของ แต่ละบุคคลที่ตัดสินใจ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าวันนี้ เราทำดีที่สุดแล้ว ผมยืนยันได้ว่า พรรคให้โอกาสกับคนทุกคน เหตุการณ์นี้ เราเคยประสบมาแล้ว แม้ว่าจะมีพรรคบางพรรคที่จ้องพยายามที่จะนำเอาคนในพรรคประชาธิปัตย์ไป เพื่อทำให้พรรคดูไม่มีความมั่นคงและอ่อนแอ คิดว่าเขาจ้องจะทำลายพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเราจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้แน่นอน เรื่องนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันข้างหน้า และเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ย่างเข้าสู่ปีที่77 พรรคไม่ได้ฝากอนาคตไว้กับคนใดคนหนึ่ง เมื่อคนรุ่นนี้จากไปคนรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้น พรรคก็จะมีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มากขึ้น ถือเป็นการถ่ายเลือดครั้งใหญ่อีกครั้งของพรรค ถ้าเกิดขึ้นตามข่าว
ทั้งนี้ ตนไม่ประสงค์ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลาอย่างนี้ พรรคต้องการทุกคนช่วยกันสร้างกอบกู้พรรคจากวิกฤตินี้ ใครที่คิดไม่ดีกับพรรคจะเป็นบทพิสูจน์ในวันข้างหน้า อยากเห็นทุกคนมีความมั่นคงกับพรรค วันนี้พรรคเดินไปข้างหน้าถูกทิศถูกทางแล้ว เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามานำพาพรรคให้มีบทบาทมากขึ้น พรรคจะไม่กังวลกับเรื่องนี้ เราเตรียมคนพร้อมสำหรับเข้าสู่การเลือกตั้งแน่นอน ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางการเดินไปข้างหน้า แผนที่วางไว้ก็เดินไปถึงให้ได้ คิดว่าเวลาอย่างนี้ ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน คาดว่ากรณี น.ส.รังสิมา จะไม่เป็นจริง หวังว่าทุกคนยังเป็นกำลังของพรรคที่เน้นเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ส่วนกรณีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระแสข่าวว่า จะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ทราบจากข่าว เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา “น.ส.พิมพ์ภัทรา-น.ส.รังสิมา” ได้มีการพูดคุยกับตนอยู่ ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ก็เป็นผู้อาวุโสแล้วในการเป็น ส.ส.4-5 สมัย ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว และ พรรคเองเห็นว่า การคงอยู่ของพรรค เป็นเรื่องใหญ่กว่าการคงอยู่ของตัวบุคคล บุคคลจากไปได้ แต่พรรคต้องรักษาไว้ ตนเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ๆเข้ามาแบกรับภารกิจนี้ได้ พรรคเคยผ่านวิกฤติแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว มองว่าคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคใหม่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จแม้แต่คนเดียว
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบภายในพื้นที่ของภาคใต้ อาทิ จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคจะต้องไปเตรียมตัวบุคคล ที่จะมาลงทดแทนในพื้นที่ เชื่อว่าจะมีคนทดแทนในพื้นที่ ถ้าหากว่าข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องจริง และทุกครั้งที่มีคนออกจากพรรค เมื่อถึงเวลาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินทุกครั้ง ส่วนกระแสเลือดไหลออกไม่หยุดนั้น เรามีการจับตาเรื่องนี้มาตลอด ยอมรับไม่อยากให้เกิดขึ้น และเสียใจที่มีคนออกไป แต่ไม่เสียดาย ซึ่งเราก็ต้องมีแผนเตรียมรองรับสถานการณ์ไว้ ที่สำคัญที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ไม่มาติดกับดักอยู่กับคนนั้นคนนี้ลาออก ท่ามกลางกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อคนอยู่ล้มลง ต้องมีคนใหม่มาแทนที่แบกภาระกิจของพรรคต่อไป