“เฉลิมชัย” มอบ “อลงกรณ์” ประกาศนโยบายพัฒนาสหกรณ์ ปี 66 ยึดโปร่งใส

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบ “อลงการณ์ พลบุตร” ประกาศนโยบายพัฒนาสหกรณ์ปี2566 ชูยุทธศาสตร์ตลาด นำการผลิตและเทคโนโลยีเกษตร ยึดหลักธรรมาภิบาลบริหารโปร่งใสเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบให้ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ. นายอลงกรณ์ พลบุตรเป็นผู้แทนในการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้แก่ข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ และ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในห้องประชุม 200คน และผ่านระบบทางไกลไปทุกจังหวัดอีก 1,520 คน โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรฯ. นายวิศิษฏ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้การต้อนรับนายอลงกรณ์ แถลงนโยบายว่า เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการเกษตร ตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการเกษตร มีเป้าหมายในการพัฒนาให้ “เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น” โดยมุ่งเน้นให้ “เกษตรกรรวมกลุ่มกันช่วยเหลือ ตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในรูปแบบของการสหกรณ์” สร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรของ ชุมชนโดยส่งเสริมให้นําแนวทาง “การตลาดนําการผลิต การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และ การนําเทคโนโลยีการเกษตรมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต” เพื่อลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย สร้าง รายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างระบบการเงินการบัญชีที่มีเกณฑ์การตรวจสอบบัญชี ตามมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับและเช่ือถือได้ใหแ้ก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรนําไปใช้ปฏิบัติมีการ กําหนดเกณฑ์การควบคุมภายในที่ดี การควบคุมและดูแลการดําเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งนี้ในปี 2565 สหกรณ์ทุกประเภทมีทุนดําเนินงานรวมกันเป็นเงินกว่า 1.785 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าธุรกิจทุกประเภทรวมกันกว่า 3.58 ล้านล้านบาท มีสถาบันเกษตรกรจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ จํานวน 7,690 สหกรณ์ และกลุ่ม เกษตรกร จํานวน 4,110 แห่ง จํานวนสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 12 ล้านคน โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบนโยบายการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ2566 ดังนี้

1.นโยบายด้านการส่งเสริมพัฒนาและการกํากับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดย ผลักดันให้ สมาชิก มีส่วนร่วมในการดําเนินธุรกิจกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ด้วยนโยบาย “การตลาดนําการผลิต” “เทคโนโลยีเกษตร 4.0” และ “การส่งเสริม การเกษตรแบบแปลงใหญ่” ไปเป็นเข็มทิศในการทํางาน การบริหารองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล กรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องร่วมมือกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์อย่างใกล้ชิด กํากับดูแล แนะนํา และการสร้างระบบบัญชีที่มีมาตรฐาน ลงพื้นที่เข้าตรวจการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทุกแห่ง เข้าแนะนํา ตรวจสอบให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปิดบัญชีได้ตามกฎหมาย สร้างความโปร่งใสในการ บริหารงานของคณะกรรมการดําเนินการและฝ่ายจัดการ สร้างระบบควบคุมภายใน ระบบบริหาร จัดการความเสี่ยงและระบบตรวจสอบที่ดี ทําให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปลอดการทุจริตให้มากที่สุดและ การแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เมื่อตรวจพบสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีการทุจริตหรือข้อบกพร่อง กรมส่งเสริมสหกรณ์ ต้องรีบเข้าดําเนินการกํากับ สั่งการให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแก้ไขข้อบกพร่องตามกฎหมายและ ขั้นตอนที่ได้รับมอบอํานาจอย่างมีประสิทธิภาพและแล้วเสร็จโดยเร็ว2.นโยบายด้านการตรวจสอบทางการเงินและการบัญชี โดยต้องพัฒนาระบบการตรวจสอบบัญชี เน้นการตรวจสอบให้เป็นไปตาม มาตรฐานวิชาชีพ โดยนําเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ทันต่อ สถานการณ์ ยึดความถูกต้องในการทํางานไม่ต้องกังวล ในกรณีเกิดสถานการณ์ทุจริตให้เร่งดําเนินการ เชิงรุกในการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นโดยสะดวกรวดเร็วและลดต้นทุนในการใหบ้ริการสมาชิกส่งเสริมการออมในชุมชนนอกเหนือการให้กู้ยืม เพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจําหน่าย ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจการแปรรูปและธุรกิจบริการ จะช่วยให้สหกรณ์และ กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง ส่งผลให้เกษตรกรสมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น แก้ไขปัญหา การประกอบอาชีพในชุมชนได้อย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล กรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องร่วมมือกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์อย่างใกล้ชิด กํากับดูแล แนะนํา และการสร้างระบบบัญชีที่มีมาตรฐาน ลงพื้นที่เข้าตรวจการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทุกแห่ง เข้าแนะนํา ตรวจสอบให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปิดบัญชีได้ตามกฎหมาย สร้างความโปร่งใสในการบริหารงานของคณะกรรมการดําเนินการและฝ่ายจัดการ สร้างระบบควบคุมภายใน ระบบบริหาร จัดการความเสี่ยงและระบบตรวจสอบที่ดี ทําให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปลอดการทุจริตให้มากที่สุด และ การแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร3.นโยบายด้านการตรวจสอบทางการเงินและการบัญชี ด้วยการ พัฒนาระบบการตรวจสอบบัญชี การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรถือเป็นงานที่สําคัญที่ช่วยสร้างความโปร่งใส ให้แก่สถาบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ควรเน้นการตรวจสอบให้เป็นไปตาม มาตรฐานวิชาชีพ โดยนําเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบ ในกรณีเกิดสถานการณ์ทุจริตให้เร่งดําเนินการ เชิงรุกในการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยอาจจัดทําเป็นทีมตรวจสอบ เฉพาะกิจและร่วมแก้ไขปัญหากับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ความสําคัญกับการกํากับดูแลและตรวจสอบคุณภาพการสอบบัญชีสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ต้องมุ่งเน้นตรวจสอบคุณภาพงานของผู้สอบบัญชีให้เข้มข้น เป็นไป ตามมาตรฐานและข้อกําหนดด้านจรรยาบรรณ ในกรณีผู้สอบบัญชีปฏิบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐาน หรือ ปฏิบัติงานบกพร่องให้ลงโทษอย่างจริงจัง พัฒนาความสามารถด้านการเงินการบัญชี และการควบคุมภายในแก่สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกร เนื่องจากบัญชีเป็นผลลัพธ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสําเร็จของทุกอาชีพ และ มุ่งพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการบัญชีเพื่อให้บริการแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สุดท้ายนี้ หวังว่าบุคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกคน จะมีส่วนสําคัญในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และร่วมกันผลักดันให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง มีคุณภาพ เป็นที่พึ่งของเกษตรกรและชุมชนได้อย่างยั่งยืนตลอดไป.