“อนุทิน” เปิดตัว 3 ผู้สมัคร สส.หนองคาย ลั่นพูดแล้วทำ ชูนโยบาย พักหนี้-ไฟฟ้าปชช.

“ภูมิใจไทย” เปิดตัว 3 ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย ประชาชนนับหมื่นแห่รับ ตะโกนลั่น “พูดแล้วทำ” ด้าน “อนุทิน” ขอตอกเสาเข็ม ได้ ส.ส.พื้นที่ พร้อมชูนโยบาย พักหนี้ – เกษตรพันธะสัญญา ดันราคาข้าว ยาง มัน ปาล์ม ชู ค่าแรง อสม.2 พันบาท และไฟฟ้าประชาชน

วันที่ 4 พ.ย. 2565 ที่ เวทีกลางลานนาคาเบิกฟ้า อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมคณะผู้บริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.จังหวัดนครพนม และรองประธานสภาฯคนที่2,นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค, นายมารุต มัสยวาณิช สส บัญชีรายชื่อ ร่วมเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง จ.หนองคาย ประกอบไปด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 นายเสถียร ผาณิบุษย์, เขตเลือกตั้งที่ 2 พญ.จิดาภา สุนทรธนากุล, เขตเลือกตั้งที่ 3 นายกฤศภณ หล้าวงศา มีประชาชนกว่า 1 หมื่นคนต้อนรับนายอนุทิน ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมือง ที่เน้นการทำงานด้วยสมอง และ สองมือ เราไม่เน้นการทำงานด้วยปาก เราพูดไม่เก่ง พูดไม่เพราะ แต่เราทำงานงานหนัก เพราะเรารู้ว่า พ่อแม่พี่น้องต้องการ ส.ส.ไปทำงาน ไว้ใช้งาน เราจึงคัดคนทำงานมาให้ คนประเภท ดีแต่พูด หรือ พูดแล้วไม่ทำ เราไม่สนใจ กับจังหวัดหนองคาย ถึงเราจะไม่มี ส.ส.ในพื้นที่ แต่เราไม่เคยลืมปชช. เราผลักดันให้เกิดทางรถไฟจากหนองคายไปเวียงจันทร์ แล้วเรายังเพิ่มถนนสำหรับรถยนต์เข้าไปด้วย

พรรคภูมิใจไทย มาพบพ่อแม่พี่น้องวันนี้ เรามีนโยบาย 4 เรื่อง มาเสนอให้พิจารณา ขอให้โอกาส ลงคะแนน ให้ ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 3 คนได้เป็น ส.ส. และ พรรคภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่เราจะทำ มี 4 เรื่องๆ มีดังนี้ ขอให้จำไว้ เป็นรัฐบาล วันไหน ทำทันที เพราะพวกเรา “พูดแล้วทำ” นโยบายที่เราได้นำมาเสนอในวันนี้ ประกอบไปด้วย1. เราจะพักหนี้ของพ่อแม่พี่น้องทุกคน 3ปี พักแบบ หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 ปี ทุกคนใช้สิทธิพักหนี้ ได้คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อหยุดความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสตั้งหลักสู้กันใหม่ “เรื่องนี้ ผมมั่นใจว่า ถ้าผมมีโอกาสได้ทำ ผมทำสำเร็จแน่นอน นี่คือนโยบายที่มาจากประสบการณ์ ผมเคยเป็นหนี้มากมายกว่าพ่อแม่พี่น้องหลายเท่า ผมเป็นหนี้หลายพันล้านบาท ผมหลุดหนี้ได้ เพราะผมไปเจรจากับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ให้โอกาสผม ช่วยผมแก้หนี้ ยืดเวลาให้ผม ผมเอาโอกาสที่ได้มา เอาเวลาที่ได้มา ตั้งหน้า ตั้งตา ตั้งใจทำงาน วันนี้ ผมไม่มีหนี้ ผมมายืนคุยกับพ่อแม่พี่น้อง ได้ ด้วยความมั่นใจ เพราะผมมีประสบการณ์แก้หนี้มาแล้ว และผมจะนำมันมาช่วยประชาชน”2. เราจะเพิ่มรายได้ให้พ่อแม่พี่น้อง ที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ทำไร่ ทำนา ทำสวน ด้วยระบบ “คอนแท๊ค ฟาร์มมิ่ง” หรือ ระบบ “เกษตรพันธสัญญา” พ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ ทำนา ทำสวนยางพารา ทำสวนปาล์ม ทำไร่มัน จะได้รับสิทธิเข้าสู่ระบบ “คอนแท๊ก ฟาร์มมิ่ง” กับรัฐบาล ก่อนถึงเวลาปลูก จะต้อง “รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกันมาชดใช้” เพราะทุกคนที่เข้าโครงการ จะมีสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า กับรัฐบาล ตามราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา ข้าวขาว ตัน ละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิ ตัน ละ 18,000 บาท น้ำยางสด กิโลกรัม ละ 62 บาท ยางแผ่น กิโลกรัม ละ 65 บาท หัวมันสำปะหลัง กิโลกรัม ละ 4 บาท ปาล์มทะลาย กิโกรัม ละ 5 บาท3. พวกเราจะลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับพ่อแม่พี่น้อง ทุกวันนี้ ค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด ไม่ใช่เรื่องอาหารการกิน แต่เป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พรรคภูมิใจไทย มีทางแก้ให้ทุกคน ด้วยนโยบาย “การไฟฟ้าประชาชน” ทุกวันนี้ มี 3การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3 การไฟฟ้า รวยหลายแสนล้าน กำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ ประชาชน ล่ะ พรรคภูมิใจไทย จะเพิ่ม “การไฟฟ้าประชาชน” เป็น การไฟฟ้าที่ 4 ของประเทศไทย รัฐบาลจะลงทุนติดโซลาร์เซลล์ ให้ประชาชน ผลิตไฟฟ้า ใช้เอง แล้ว ขายให้กับการไฟฟ้า ด้วยการทำโครงการไฟฟ้าหลังคาบ้าน
โครงการนี้ ทุกบ้านที่เข้าร่วม จะได้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 450 บาท ต่อเดือน และจะเป็นครั้งแรก ที่ประชาชน จะได้ขายไฟฟ้า ให้การไฟฟ้า ได้เงินจากการไฟฟ้า เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทย ที่จะมี ”การไฟฟ้าประชาชน”“โครงการ “การไฟฟ้าประชาชน” ทุกบ้านที่เข้าร่วม จะได้สิทธิ “ติดฟรี มีรายได้ ลดรายจ่าย และ ได้มอเตอร์ไซค์ราคาถูก” รัฐบาล จะจัดทำโครงการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ราคาถูก คันละ 6,000 บาทมาขายให้ทุกบ้าน ที่ช่วยกันผลิตกระแสไฟฟ้า ใช้เอง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ราคา คันละ 6,000 บาท ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 เดือน ไม่ต้องเสียเงินเติมน้ำมัน ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากหลังคาบ้านตัวเอง”

4. เรื่องที่ 4 ที่จะพูดให้ฟัง เป็นประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้อง และครอบครัวทุกคน ก็คือ เรื่องสุขภาพ อนามัย และการรักษาโรคของทุกคน เรามีนโยบาย เพิ่มค่าป่วยการ หรือ ค่าตอบแทน ให้อสม. เดือนละ 2,000 บาท เพราะเราเข้าใจดีว่า อสม.ทำงานหนัก เหนื่อย แต่ท่านมีความสำคัญมาก “มีคนถามว่า ทำไมไม่ทำเลย คำตอบคือ เพราะผมต้องขอ แต่ถ้าท่านเลือกผมมามากๆ แล้วผมเป็นนายกฯ ผมก็ไม่ต้องขอใครแล้ว ทำได้เลย”นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้ว ได้สั่งให้เพิ่มเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง อีก 7เครื่อง มารักษาผู้ป่วยให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ เพราะแต่ละปี มีผู้ป่วยมะเร็ง เพิ่มขึ้นมากกว่า 1แสนคน พรรคภูมิใจไทย จึงเห็นว่า ทุกจังหวัดต้องมีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง อย่างน้อย จังหวัดละ 1เครื่อง เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ในจังหวัดของตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มากขึ้น เร็วขึ้น ผู้ป่วยมะเร็งมีอยู่ทุกจังหวัด และ รอเวลานาน ไม่ได้ ชีวิตผู้ป่วยทุกคน มีคุณค่าเท่ากัน มีคุณค่าที่ต้องเร่งรักษาโดยเร็ว โรคไต เป็นอีกโรคที่ผู้ป่วย จะได้รับการทรมานมาก จึงได้สั่งให้ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตทุกคน ด้วยความเท่าเทียม และตอนนี้เดินหน้าแล้ว กับโครงการฟอกไตฟรี วันนี้ พรรคภูมิใจไทย จึงเสนอนโยบายจัดตั้งศูนย์ฟอกไต ทุกอำเภอ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน และครอบครัวมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว

“พรรคภูมิใจไทยหวังว่า เราจะมีบุญได้รับใช้ทุกท่าน ที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคเดินหน้าพัฒนาไปได้แล้วหลายจังหวัด ทั้งบุรีรัมย์ นครพนม อุทัยธานี ซึ่งถ้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับใช้ชาวหนองคาย เรามั่นใจว่าเราสร้างความเจริญให้ท่านได้แน่นอน เพราะจังหวัดนี้มีจุดยุทธศาสตร์อย่างแม่น้ำโขงที่จะเป็นแรงผลักดันด้านเศรษฐกิจ อย่าลืมว่า เราเป็นพรรคที่ไม่ขัดแย้ง จะสร้างความเจริญอย่างเดียว เราไม่เล่นการเมืองแบบนักการเมืองโบราณ เราดูรับใช้ทุกพื้นที่ ถึงไม่มี ส.ส. เราก็ทำงานให้แน่นอน มาครั้งนี้ เราเอานโยบายมาขาย ก็หวังว่า นโยบาย และผลงานที่ผ่านมาจะช่วยเราตอกเสาเข็มได้ ส.ส.พื้นที่”

ทั้งนี้ ระหว่างนายอนุทิน ขึ้นปราศรัย ชาวบ้านต่างปรบมือต้อนรับ และมีบางช่วง ได้ตะโกนคำว่า “พูด แล้ว ทำ” บรรยากาศ โดยเป็นไปอย่างคึกคัก