“นิพนธ์” เผย รัฐบาลดึง “ไตรรงค์” นั่งที่ปรึกษา รับเสียใจ-เสียดาย แต่เคารพการตัดสินใจ ชี้ 76 ปี ปชป. เลือดไหลเข้า-ออก ปกติ คนที่อยู่ต้องสู้ต่อ ยังแทงกั๊กร่วมรัฐบาลสมัยเลือกตั้งหน้า
วันที่ 28 ต.ค. 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองหัวหน้าพรรค และอดีตส.ส.หลายสมัย ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะก่อนหน้านี้ท่านก็เคยบอกกับตนว่าจะไม่ลาออก แต่เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ก็ต้องเคารพกัน แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆกับพรรค เพียงแต่นายไตรรงค์เคยบอกว่ามีผู้ใหญ่ในรัฐบาลทาบทามให้ไปเป็นที่ปรึกษา จึงเกรงใจว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้นจึงรับตำแหน่งได้อย่างไม่เป็นทางการ จึงคิดว่าอาจจะทำได้ไม่เต็มที่
ส่วนกรณีที่นายไตรรงค์ระบุในเฟซบุ้กเสมือนน้อยใจนั้นนายนิพนธ์ยืนยันว่าไม่มีอะไร โดยเฉพาะกับตนยังมีความใกล้ชิด และเมื่อวานนายไตรรงค์ยังมาร่วมงานศพมารดาของตนที่จ.สงขลา ก็คุยกันมาตลอด และต่อข้อถามว่า เสียดายหรือไม่ นายนิพนธ์กล่าวว่าทุกครั้งที่มีคนออกก็เสียดายทุกคน แต่ต้องเคารพการตัดสินใจทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้นายจุรินทร์ ก็เคยไปคุยกับนายไตรรงค์ที่บ้านมาแล้ว แต่เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ก็ต้องเคารพและเข้าใจว่าที่เขียนในเฟซบุ้กก็คงคิดอะไรว่าอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์มีบางเรื่องที่อาจจะต่างกัน เช่นเรื่องทหารที่พรรคประชาธิปัตย์เคยอยู่กับทหาร แต่วันนี้ทหารไม่เหมือนกับในอดีต ซึ่งก็ถือเป็นความเห็นที่ต่างกันได้ เพราะพรรคก็เคยมีอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการ และอุดมการณ์หลายข้อของพรรคก็ต้องยอมรับว่าอาจไม่ทันกับกาลเวลาที่เปลี่ยนไป และคงต้องมาดูว่าถึงเวลาต้องทบทวนหรือไม่เพราะไม่มีอะไรที่จะเห็นพ้องกัน100 เปอร์เซนต์
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่ยื้อ นายนิพนธ์กล่าวว่าก็เพราะนายไตรรงค์เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ แต่ทุกครั้งที่เสียคนออกไป เราก็เสียดาย “ผมอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ครั้งหนึ่งพี่วีระ (มุสิกะพงศ์ )เดินออกไป เราก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะผมเป็นเด็กที่อยู่กับท่านมาก่อน พี่ประดิษฐ์ (ภัทรประสิทธิ์) ก็ออก หลังสุดพี่สุเทพ (เทือกสุบรรณ) ก็ออก และแต่ละคนที่ไปเป็นล้วนเลขาธิการพรรคทั้งนั้น แต่ละครั้งที่แต่ละท่านออกไปผมก็เสียใจและเสียดาย แต่เมื่อท่านตัดสินใจทางการเมืองแล้วเราก็ต้องเคารพ”
ส่วนจะมีผลกระทบกับพรรค เพราะอยู่ในช่วงที่เหลือเวลาไม่นานจะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายนิพนธ์กล่าวว่าความจริงไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วหากไปพะวักพะวงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าและพรรคต้องอยู่ได้ที่ผ่านมาเปลี่ยนหัวหน้าพรรคไป8 คนแล้วก็ยังอยู่ได้ ดังนั้นคนที่อยู่ก็ต้องขับเคลื่อนพรรคต่อไป เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ขับเคลื่อน ทั้งนี้ไม่กังวลว่าจะมีเลือดไหลออกแต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และนำบทเรียนในอดีตมาทบทวนเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ส่วนใครที่เห็นต่างก็ต้องเคารพ จะไปบังคับให้คิดเห็นเหมือนกันก็คงไม่ได้แต่เชื่อว่าวันหนึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมา
นายนิพนธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าพร้อมจะร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคแต่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายนิพนธ์กล่าวว่า เรื่องทาการเมืองต้องคุยกันเรื่องใหญ่ โดยพรรคเพื่อไทยต้องตอบคำถามมากว่านั้นว่าใครเป็นแกนนำ ใครเป็นพรรคร่วม ซึ่งทางการเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับคนรวบรวมเสียงข้างมาก เพราะครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เป้นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเงื่อนไขทางการเมืองจะมาบอกตอนนี้ไม่ได้เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องดูสถานการณ์ ณ เวทีที่พูดคุยกันว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไร ต้องรู้ก่อนว่ามีกำลังคนอยู่เท่าไหร่ หากพูดตอนนี้ก็เหมือนไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ผูกมัดอะไรกับใครล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับฮั้ว ไม่แข่งกันเป็นบางเขต เหมือนกับหลอกลวงชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่นายไตรรงค์ได้มอบหมายให้เลขานุการไปยื่นหนังสือลาออกที่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมโพสต์ความรู้สึกส่วนตัวผ่านเฟซบุ้ก โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด ล่าสุดแหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่านายไตรรงค์ได้ปิดโทรศัพท์และเดินทางไปพักผ่อนที่ภาคเหนือ เพื่อใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่ง เนื่องจากมีหลายพรรคการเมืองได้ทาบทามให้ไปร่วมงานทางการเมืองด้วย โดยเฉพาะอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ย้ายไปยังกัดพรรคอื่น