เปิดใจ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคปชป. และ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้ง กับ การทำศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะ ในพื้นที่ภาคใต้ และ กทม. รวมทั้ง กระแสข่าว การไหลออกของสมาชิก พรรคปชป. จะมีแนวทาง แก้ปัญหา เพื่อ กู้ศักดิ์ศรีกลับมาอย่างไร
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลออกของสมาพิกพรรคจำนวนหนึ่ง ว่าเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมือง และที่ผ่านมา “ประชาธิปัตย์” เคยเจอการไหลออกของสมาชิกพรรคที่หนักกว่านี้มาแล้ว พรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีการไหลเข้าไหลออกของสมาชิกพรรค เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือ เรื่องสำคัญ เป็นเรื่องปกติของทางการเมือง ที่พรรคไม่ได้ตกใจและหวั่นไหว เมื่อคนเก่าออกไป ก็มีคนใหม่ หรือ เลือดใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งสังเกตได้ว่าเลือดใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ล้วนเป็น “คนรุ่นใหม่” ที่เป็นหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค นี่เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจมากกว่า
ส่วนที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมแค่ไหนกับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในปีหน้านั้น นายนิพนธ์ ระบุว่า “ประชาธิปัตย์” มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พรรคเราประสบกับความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งของภาคใต้ และ ของ กทม. พรรคได้ “ถอดบทเรียน” ของความพ่ายแพ้ เพื่อที่จะแก้มือ ดังนั้น ประชาธิปัตย์ พร้อมมานานแล้วกับการเลือกตั้งที่จะมาถึ ส่วนจะมีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนนั้น สิ่งแรกคือเรื่องของผู้สมัคร มีการคัดเลือกตามขั้นตอนของพรรค ที่ต้องเลือกคนดี คนที่ใกล้ชิดประชาชน มีประสบการณ์ทางการเมือง ในกรณีที่มีผู้สมัครหลายคนในเขตเดียวกันก็มีการทำโพล ซึ่งบางเขตมีการทำโพลถึง 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจ สร้างความโปร่งใสและชอบธรรม ทั้งกับพรรคและกับผู้สมัครเอง ซึ่งอาจจะมีข่าวการถกเถียงกันบ้าง แต่สุดท้ายก็มีการยอมรับ เพราะเป็นไปตามกติกา ดังนั้น เรื่องของผู้สมัครมีความพร้อมกว่าทุกครั้ง เพราะเราใช้เวลาทำมานาน
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะสามารถจะยึดคืนได้ทั้งหมดหรือไม่ นายนิพนธ์ ยอมรับว่า ถ้าบอกว่าจะได้ทั้งหมดก็เกินความเป็นจริง แต่ครั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า จะได้ ส.ส.เขตคืนมามากกว่า 40 เขต จากทั้งหมด 58 เขต โดยเฉพาะในจังหวัดที่ประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็น “เมืองหลวง” ของภาคใต้ เช่น จ.นครศรีธรรมราช, จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา ต้องยกจังหวัด และ จังหวัดที่เสียไป 1-2 ที่นั่ง อย่าง จ.ตรัง, จ.พัทลุง, จ.กระบี่ และ จ.สตูล เราก็จะได้คืนมาทั้งหมด แม้แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ในครั้งที่แล้ว เราได้แค่ 1 ที่นั่ง เลือกตั้งครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะได้เพิ่มขึ้นแน่
ต่อข้อถามว่าประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครทั้งหมดหรือไม่ “นิพนธ์” ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งพรรคประชาธิปัย์ บอกว่า พรรคส่งครบ 400 เขตทั่วประเทศ แต่เรามั่นใจอย่างต่ำ 100 เขตเลือกตั้ง ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้เราไม่ได้ตั้งเป้าแบบเลิศเลอ แต่เราตั้งความหวังอยู่กับความเป็นจริง ที่ต้องการ 80 ที่นั่งขึ้นไป รวมทั้งกับที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ๆ และการที่ “บ้านใหญ่” ที่ เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่ จ.ชุมพร, จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.พัทลุง เป็นปัญหาที่หนักใจของพรรคหรือไม่นั้น เขาบอกว่า การเลือกตั้งทุกครั้งไม่มีที่จะไม่หนักใจ เพราะเป็นการทำงานหนักเพื่อการแข่งขัน และบางพื้นที่ต้องแข่งกับ “กระสุน” แต่ในวิถีทางการเมือง ก็ต้องใช้ “กลยุทธ์” ในการต่อสู้กับ “บ้านใหญ่” ที่ไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น แต่ “บ้านเล็ก” ที่หมายถึงประชาชนยังอยู่กับเรา ถ้าเขาเลือกเราๆ ก็ชนะ
ประเด็นสำคัญคือเรื่องของนโยบายในการหาเสียง พรรคประชาธิปัตย์ กำหนดไว้อย่างไรนั้น รองหน.พรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า เรื่องนโยบายยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ด้วยการรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำมาปรับให้สอดคล้อง และผู้ที่แถลงนโยบาย คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่บอกได้ว่านโยบายที่จะประกาศ เป็นนโยบายที่ครอบคลุมความเป็นอยู่ของประชาชนทุกสาขาอาชีพ
พรรคประชาธิปัตย์ร่วมเป็นรัฐบาลมาจนเกือบครบเทอม ที่ผ่านมาได้ทำในสิ่งที่บอกกับประชาชนได้แค่ไหน โดย “นิพนธ์” ย้อนกลับไปว่า ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาธิปัตย์มีเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1. ประชาธิปัตย์ มีนโยบายประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งประชาธิปัตย์ได้ทำครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นยุคเดียวที่เกษตรกรออกมาชุมนุมเรียกร้อง ในเรื่องของราคาผลผลิตตกต่ำน้อยที่สุด 2.เรื่องแก้รัฐธรรมนูญต้องมีการดำเนินการ และ 3. การบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ ประชาธิปัตย์ก็ไม่มีเรื่องด่างพร้อยแต่อย่างใด
นอกจากการยึดคืนภาคใต้แล้ว ในพื้นที่อื่นๆ คิดว่า “ประชาธิปัตย์” จะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นหรือไม “นิพนธ์” กล่าวว่า พรรคจะต้องรักษาที่มั่นในภาคกลาง 9 ที่นั่งให้ได้ และ ต้องเพิ่มจำนวน ส.ส.ในพื้นที่ภาคกลางให้ได้มากกว่าของเก่าที่มีอยู่ เช่นเดียวกับภาคเหนือที่มีอยู่ 1 ที่นั่ง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 ที่นั่งก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะทั้งผู้สมัคร ทั้ง ส.ส.ที่มีอยู่เดิม และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคทุกคนทำงานอย่างเต็มที่
ที่สำคัญในส่วนของ พื้นที่ กทม. นั้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ พรรคได้ สก.จำนวน 9 ที่นั่ง เข้ามาเป็นที่ 2 ของการเลือกตั้ง เป็นการแพ้มามาก วันนี้ใน กทม. พรรคทำงานหนักและต่อเนื่อง
เราหวังที่จะต่อยอดจาก สก.ที่มีอยู่ เพื่อไปสู่ที่นั่งของ ส.ส.ใน กทม. และเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งนี้ “ประชาธิปัตย์” จะได้ ส.ส.กทม. แต่จะเป็นกี่ที่นั่ง ณ วันนี้ยังตอบไม่ได้ เพระพื้นที่ของ กทม. มีปัจจัยที่ทำให้มีการผันแปรได้ตลอดเวลา !