“จุรินทร์”ประกาศ ชัด! ไม่เอาแก้ ม.112 ชี้ ทุกประเทศ ต้องมีตัวบทกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของประเทศ เผยเตรียม ”ออนทัวร์” เปิดตัวว่าที่ สส.ปชป.อีกรอบทุกภาค มั่นใจได้ที่นั่งมากกว่าปี 62
วันที่ 19 ต.ค. 2565 เวลา 9.30 น. ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการครั้งที่ 1/2565 ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ถึงความคืบหน้าเรื่องการปรับ ครม. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ภารกิจในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาเพื่อใช้ดุลพินิจ ตนเข้าใจเรื่องนี้ เราเคยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลมา เข้าใจว่าท่านจะต้องดูอะไรอย่างไรบ้าง ก็ให้เวลาและให้เกียรตินายกฯ
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีสมาชิกย้ายพรรค ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับแกนนำพรรคอย่างไรหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ ก็ได้ปฏิเสธแล้ว และตนไม่รู้ว่าแต่ละข่าวมาจากไหน บางครั้งก็มุ่งทำให้ประชาธิปัตย์ติดลบก็มี ปรารถนาดีก็มี ปรารถนาไม่ดีก็มี สารพัด
“ผมเรียนเลยครับ ในภาพรวม ทุกพรรคการเมือง เมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ปรากฎการณ์ คนเข้าคนออกมีทุกพรรค ถ้าไปดูอยู่เดี๋ยวนี้ ก็จะเห็นชัดเจน มีพรรคไหน ไม่มีคนเข้า ไม่มีคนออกบ้าง ก็มีเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ไม่ว่ากับพรรคการเมืองไหน ส่วนประชาธิปัตย์นั้น ผมเรียนว่า เรามีผู้สมัครจากหลายเขตที่เรานิ่งแล้ว และเป็นที่ยุติ เปิดตัวแล้ว แล้วก็เขตไหน ที่ถึงเวลาเหมาะสม ก็จะทยอยเปิดตัว อย่างภาคใต้ ผมก็เพิ่งเปิดที่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ถัดจากนี้ จุรินทร์ออนทัวร์ จะไปเปิดที่สมุทรสาคร แล้วก็จะไปที่จังหวัดอื่นๆ อีกหลายจังหวัด เช่น นครศรีธรรมราช พัทลุง ซึ่งเรามีความพร้อมแล้ว ในภาคใต้นี้ ก็พร้อมเกือบหมดแล้ว กรุงเทพมหานคร ก็เกือบจะครบแล้ว รอการแบ่งเขตที่ชัดเจน แล้วผม ก็ไปที่โคราช ซึ่งตัวผู้สมัคร ก็พร้อม 90 กว่าเปอร์เซนต์แล้ว สำหรับโคราช ในภาคอีสาน แล้วก็จะไปอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว
พร้อมกับระบุอีกด้วยว่า ตนเรียนไปหลายรอบแล้วว่า มีความมั่นใจ จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2562 เราได้ 22 ที่นั่ง เที่ยวหน้า มั่นใจว่าต้องได้เกิน และได้ย้ำไปหลายรอบแล้ว ประชาธิปัตย์ ก็เป็นหนึ่งพรรคการเมือง ที่เราเสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดพรรคหนึ่ง อย่างน้อยเราก็เป็นสถาบันทางการเมือง มีหลักมีเกณฑ์ในการตัดสินใจ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว หรือ ของพรรคมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ เราให้ความสำคัญสูงสุดกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และเรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“เราพูดชัดครับ การแก้มาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอาด้วย พูดชัดเจนมาหลายรอบแล้ว จะแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ประชาธิปัตย์เราสนับสนุน และเคยเสนอไปแล้วด้วย เพียงแต่ร่างประชาธิปัตย์ 7 ร่าง มันผ่านแค่ร่างเดียว แต่ต่อไปถ้าจะต้องแก้อีก แล้วแนวทางมันไปตามทิศทางที่เรากำหนด เราก็พร้อมสนับสนุน แม้เราไม่ได้เสนอเอง หรื อแค่มีวาระเข้าพิจารณาในสภา ประชาธิปัตย์ก็พร้อม แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และ ไม่แก้มาตรา 112 ซึ่งเหตุผลมันมีชัดเจนว่า ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ไม่มีบทคุ้มครองประมุขของตัวเอง ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบไหน ก็มีบทคุ้มครองประมุขของตัวเองทั้งนั้น ประเทศไทยก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราผิดแผกแตกต่างไปจากประเทศอื่น เพราะฉะนั้นมาตรา 112 นี้ ก็เป็นมาตราที่มีความจำเป็นเพื่อคุ้มครองประมุขของประเทศไทย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว