ถังความคิดของสภาแอตแลนติก ซึ่งเป็นหน่วยงานศึกษาของนาโต้ ( NATO ) ได้เขียนไว้ในบทความชิ้นหนึ่ง ที่ทำการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง มอสโก และ เตหะรานที่ กำลังขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ว่า
รัสเซียกำลังจัดตั้ง พันธมิตรกับประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง ที่อาจทำให้อิสราเอลอยู่ในสถานะ ที่เลวร้ายและยากลำบากในซีเรีย และ เนื่องจากขาดทางเลือกอื่น ในขณะเดียวกันรัสเซีย ก็กำลังขยายความสัมพันธ์กับ อิหร่าน และเตรียมสร้างพันธมิตรใหม่ของประเทศกับ สาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งมันจะเป็นอันตรายต่อเทลอาวีฟอย่างแน่นอน การปรับกลยุทธ์ใหม่ของรัสเซียครั้งนี้ ก่อให้เกิดความท้าทายครั้งใหม่ ที่น่าจับตามมองเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่กับอิสราเอลเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
หากเกิดขึ้นจริง การซื้อโดรนที่ผลิตในอิหร่านของมอสโก ก็จะนำข่าวร้ายมาสู่ ยูเครน เนื่องจากจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหม่ ต่อการป้องกันประเทศของยูเครน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารในอิสราเอลก็กลัวผลที่จะตามมาในตะวันออกกลางเช่นกัน
อีกแง่มุมที่สำคัญ และ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงของความร่วมมือทางทหารระหว่างทั้งสองประเทศ คือการขายอาวุธของรัสเซียให้กับอิหร่าน ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ผู้นำของอิสราเอล ทุ่มทุนทางการเมืองจำนวนมากเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ มอสโก และหนึ่งในเป้าหมายหลักของความพยายามนี้ก็คือขัดขวางการขายอาวุธทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียให้กับอิหร่าน
วันนี้ เมื่อพิจารณาว่าเศรษฐกิจรัสเซีย อยู่ภายใต้แรงกดดัน และการเข้าถึงตลาดของประเทศถูกจำกัด เนื่องจากการคว่ำบาตรจากตะวันตก ทำให้ความร่วมมือระหว่างมอสโกและเตหะรานที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั้น จึงดูเหมือนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับอิหร่านแล้วถือว่านี่ อาจเป็นโอกาสที่ดีในการซื้ออาวุธที่ผลิตในรัสเซีย เช่น เครื่องบินขับไล่ Su-30 ซึ่งก่อนหน้านี้ อิหร่านไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากเครมลินกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตร อิหร่านจากตะวันตก และรายการสั่งซื้อของอิหร่านนั้นยาวเหยียด ทางด้านอิสราเอล ก็หวั่นวิตกว่าจะไม่มีแรงผลักดัน หรือ แหล่งที่มาของแรงกดดันที่จะยับยั้งและหยุดข้อตกลงนี้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ในขณะที่รัสเซียถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น ก็ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการผนวกแผน ด้านกองทัพและเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ เช่น อิหร่าน และ เกาหลีเหนือ ให้มีความสัมพันธ์ที่ชิดใกล้และแน่นแฟ้นมากขึ้น ขณะเดียวกันความตึงเครียดระหว่าง มอสโก และ เทลอาวีฟ ก็เพิ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนสงครามในยูเครนจะเริ่มต้นขึ้นเสียอีก ตั้งแต่ต้นปี 2022 ท่าทีของรัสเซียที่มีต่อ อิสราเอล เริ่มแข็งกร้าวมากขึ้น และมักจะกล่าวโทษอิสราเอลอย่างหนัก สำหรับกิจกรรมทางทหารที่ถูกกล่าวหาในซีเรีย
เมื่อรัสเซียบุกยูเครน อิสราเอล ก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สมดุลต่อ มอสโก และ เคียฟ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ทั้งสองฝ่าย สงครามยูเครนผ่านไปแล้วห้าเดือน ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่พอใจต่อท่าทีของ อิสราเอล โดยเฉพาะรัสเซียที่ได้ทำการตอบโต้อิสราเอลอย่างชัดเจน โดยครั้งล่าสุดคือการระงับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของสำนักงานยิวในรัสเซีย
อิสราเอลปฏิเสธ ที่จะให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกครั้ง เนื่องจากความกังวลว่า กองทัพรัสเซียอาจจำกัดกิจกรรมของพวกเขาในซีเรีย การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่าง รัสเซีย กับ อิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ การวิพากษ์วิจารณ์ อิสราเอลที่เพิ่มขึ้น และการกระทำที่ต่อต้านองค์กรอิสราเอลและยิวในรัสเซีย สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มอสโกและเทลอาวีฟอาจมีการปะทะกับในทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนับวันมีแนวโน้มแย่ลงทุกวัน
แม้ว่าอิสราเอล จะละเว้นจากความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับสงครามในยูเครนโดยสิ้นเชิง แต่ความร่วมมือของรัสเซียกับอิหร่าน และ ตัวแทนระดับภูมิภาคนั้นจะยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก
ทุกวันนี้ อิสราเอลต้องการนโยบายใหม่อย่างเร่งด่วน ที่สร้างความมั่นใจมากขึ้นสำหรับรัสเซีย และส่วนใหญ่คิดว่า รัสเซียไม่มีความกระหายที่จะเปิดแนวรบอีกแนวหนึ่ง เพื่อต่อต้านอิสราเอลในซีเรีย เนื่องจากการมุ่งเน้นไปที่สนามรบในยูเครนเป็นหลัก และ มอสโกก็ยังไม่ได้ข้ามเส้นสีแดงนั้น แต่อย่างไรก็ตามหากแนวร่วมของรัสเซียกับอิหร่าน และ ซีเรียยังคงขยายตัว สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป และหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เทลอาวีฟ ก็ต้องพร้อมรับมือที่เพียงพอและแข็งแกร่งด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถพึ่งพาสหรัฐได้
ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
ข่าวโลกที่ 3