“แพทองธาร ชินวัตร” นำ “เพื่อไทย” ชูนโยบาย ด้าน เศรษฐกิจ ด้วยโรดแมปบันได 4 ขั้น นำประเทศชาติ พ้นวิกฤต พร้อมประกาศลั่น หมดเวลา “ลุงตู” ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว
วันที่ 9 ต.ค.2565 เวลา 10.30 น. ที่ ThinkLab พรรคเพื่อไทย (พท.) ชั้น 1 แกนนำพรรคพท.ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคพท. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค และ ประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธาน ส.ส.พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคและประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พรรคพท.ได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้วคือ 1.ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 2.นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ 3.ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤต ซึ่งพรรค พท.จัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบายชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน” ส่วนนโยบายชุดอื่นๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป ประชาชนไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ด้าน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤต ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่ เราจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย พรรค พท.วางทิศโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าพรรค พท.ทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง
นายสุทิน กล่าวนำเสนอนโยบายเงินโอน คนสร้างตัว (Earned Income Tax; EIT) ว่า พท.ต่อสู้กับความจนเพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน นโยบายของพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรค พท.พิสูจน์แล้ว ว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดยเงินโอน คนสร้างตัวจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ จะได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้ คือการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย
น.ส.ณหทัย กล่าวนำเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่า พท.จะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด สร้างรายได้ที่ดีที่สุด โดยในแพลทฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจากแพลทฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด นอกจากนี้ เราจะฟื้นนโยบายแจกแทปเล็ตเพื่อการศึกษาและอินเตอร์เน็ตตำบลในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาใช้อีกครั้ง
ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายของพรรคพท.จะดำเนินการด้วยโรดแมป “บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน” คือบันไดขั้นที่ 1 “เพื่อศักยภาพใหม่” ของประเทศและประชาชนไทย ผ่านนโยบาย “1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์พาวเวอร์” (One Family One Soft power; OFOS) ว่า คือการสร้างเงินจากสมองและสองมือ หากพท.เป็นรัฐบาล เราจะทำสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ 1.พัฒนาศักยภาพคนไทยผ่านศูนย์บ่มเพาะที่อยู่ในชุมชน ทักษะต่างๆเช่น อาหาร แฟชั่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี การเขียนโปรแกรม และความสามารถทาง E-sport จะถูกถ่ายทอดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมผลักดันให้ความสามารถนั้นออกไปสู่เวทีใหญ่จนก้าวไปถึงระดับนานาชาติ 2.สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ แก้กฎหมายที่ปิดกั้นโอกาส สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้มากพอ และเชื่อมภาครัฐภาคเอกชนเข้ากับภาคประชาชน หรือคือการเชื่อมผู้ผลิตเข้ากับแหล่งวัตถุดิบ จะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และ 3.ออกแบบนโยบายต่างประเทศ เน้นการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม ใช้การทูตขยายอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการเปิดตลาดใหม่ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะศักยภาพของทุกคนสามารถสร้างเป็นรายได้อย่างไม่สิ้นสุด
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า บันไดขั้นที่ 2 “เพื่อรายได้ใหม่” แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณ ให้เศรษฐกิจประเทศไทย เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง บันไดขั้นที่ 3 “เพื่อสังคมใหม่” ความมั่นคงคือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม และบันไดขั้นที่ 4 “เพื่อการเมืองใหม่” ที่หลักนิติรัฐนิติธรรมเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ และรัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริง กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
“เรายังมีนโยบายอีกมากมายที่เราจะเล่าให้ประชาชนฟัง เราจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่องและครอบคลุม วันนี้เวลาของประยุทธ์หมดแล้ว ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งของประชาชน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคพท.” น.ส.แพทองธาร กล่าว