พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันแล้วว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม.” ในวันแรกของการประชุม ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมานั่งหัวโต๊ะเหมือนเดิม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลาป่วยกะทันหัน
นายกฯชาย “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันแล้วเช่นกัน ในวงสัมมนาใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ “ถ้ามีการปรับ ครม.ก็จะไม่รับตำแหน่งบริหาร เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมืออะไร”
“นายกฯชาย” เข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกับนำพาพรรคประชาธิปัตย์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา แทน “ถาวร เสนเนียม” เป็นชัยชนะที่ นายกฯชาย คว้ามาให้ “สุภาพร กำเนิดผล” คุณน้ำหอม ผู้เป็นภรรยานั่นเอง
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณว่า ยังไม่ปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 6 เดือนจะไม่มีการปรับ ครม.เพียงแต่บอกว่าเวลานี้ สถานการณ์ ยังไม่ถึงขั้นปรับ ครม.เท่านั้นเอง แต่เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อาจจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นก็ได้
สถานการณ์เปลี่ยน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย กดดันให้ปรับ ครม. หรือแม้แต่ใน พรรคพลังประชารัฐเอง ก็อาจจะกดดันให้แต่งตั้งรั ฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่สองตำแหน่ง หรือ กดดันให้ปรับรัฐมนตรี ที่ไม่เวิร์คออกไป เอาคนใหม่เข้ามาแทน หรือ แม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคภูมิใจไทย เดินไปถึงจุดที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล การปรับ ครม.ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้จะมีช่วงเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินเพียงสั้นๆ ก็ตาม แต่งานบริหาร การตัดสินใจ ไม่ควรจะขาดช่วงขาดตอน เพราะนั่นคือ สุข-ทุกข์ ของประชาชน
มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ หากมีการปรับ ครม.เมื่อนายกฯชาย ประกาศชัดว่า ไม่รับตำแหน่ง ถ้าโควต้าของ “นิพนธ์ บุญญามณี” เป็นโควต้าของภาคใต้ โอกาสก็จะเป็นของ “นริศ ขำนุรักษ์” ส.ส.หลายสมัยของ ประชาธิปัตย์ พัทลุง และ ในการเลือกครั้งปี 2562 เขาเพียงหนึ่งเดียว ที่รักษาหน้าประชาธิปัตย์ไว้ได้ เพราะ ”นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่ว่าแน่ยังสอบตกเลย
โอกาสเป็นของ “นริศ” ถ้า “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์” ผู้อาวุโสแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ลดตัวไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ที่ เคยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการมาก่อนแล้ว ไม่เสียหายอะไร ถ้าจะเปิดทางให้คนใหม่ๆอย่าง “นริศ” เข้ามาทำหน้าที่บริหาร และจะเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งของจังหวัดพัทลุงด้วย
สำหรับพรรคภูมิใจไทย ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีการสะกิดให้ “บุญลือ ประเสริฐโสภา” ส.ส.ราชบุรี ประแป้ง แต่งหน้ารอไว้แล้ว เข้ามาแทน “กนกวรรณ วิลาวัณย์” รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ที่เวลานี้ศาล สั่งพักงานอยู่ หลังโดนคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่
ที่นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับครม.ในเวลานี้ อาจจะเกิดจากความลังเลใจ ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มากกว่าว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นหรือไม่ กับสองตำแหน่งที่ว่างอยู่ คือ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และรัฐมนตรีช่วยแรงงานฯ แทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกปลดไปเมื่อครั้งแผนล้ม “ประยุทธ์รั่ว”
ไม่เพียงแค่นั้นสำหรับ พรรคพลังประชารัฐ เพราะยังมี รัฐมนตรีบางคนเริ่ม “ขาลอย” กับการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่ง ไม่เข้าตากรรมการ ไม่เอาใจใส่ ส.ส.ในพรรค และรัฐมนตรีบางคน ก็ไม่ยึดโยงกับพรรค เพราะเป็นโควต้ากลางของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สำคัญ การทวงถามของ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ไปรับปากกับ กลุ่มปากน้ำ ไว้แล้วว่าจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีให้ ถ้ามีการปรับ ครม.อันเกิดจากปฏิกิริยา ไม่ยกมือสนับสนุน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ไหนจะยังมี ส.ส.สายใต้ 14+1 ก็มีสิทธิ์ ที่จะทวงถามหาตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน 15 ที่นั่งของภาคใต้ กับ 7 ที่นั่ง ของ ปากน้ำ จะให้เก้าอี้รัฐมนตรี กับ กลุ่มไหน เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดหนักในการตัดสินใจ “เกรงใจพี่ เห็นใจน้อง” จะเกิดภาวะกระอักกระอ่วนใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ไหนยังจะมี ดร.นฤมล ที่เป็นมือไม้ หรือ มันสมองให้ พล.อ.ประวิตรอยู่อีก และต้องชั่งใจกลุ่มบ้านใหญ่ ทั้งหลายว่าเลือกตั้งครั้งหน้า ใครจะอยู่ ใครจะไป อย่างเช่น กลุ่มสามมิตร กลุ่มชลบุรี กลุ่มกำแพงเพชร กลุ่มนครสวรรค์ กลุ่มโคราช ยังจะร่วมหัวจมท้ายกันอยู่ไหม
ถ้ามองสะท้อนผ่านข้อเสนอของ “วีระกร คำประกอบ” ส.ส.9 สมัยของ นครสวรรค์ จากกลุ่มสามมิตร ผู้ใกล้ชิด “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดต อันดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่อันดับ 2 แปลความได้ว่า ในกลุ่มได้มีการหารือกันบ้างแล้ว ไม่เอาประยุทธ์สองปี แต่ดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นแทน แถมยังเสนอลึกลงไปในรายละเอียด ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีกลาโหม หรือ รัฐมนตรีมหาดไทย
นี้คือประเด็นที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ คิดหนัก และตัดสินใจยังไม่ปรับ ครม.เวลานี้ เพราะยิ่งปรับยิ่งร้าวหนักกว่าเดิม !!
#นายหัวไทร #ปรับครม.
