ออสเตรเลีย ยกย่องไทย ชม “สมศักดิ์-วิชัย” จริงจังปราบยาเสพติดข้ามชาติ หลังร่วมจับผู้ต้องหา 44 ราย ยึดทรัพย์ 670 ล้านบาท รมว.ยธ. ยันเดินหน้าป้องกันเต็มที่ บูรณาการร่วมทุกหน่วยงาน หวังสกัดเครือข่ายให้มากที่สุด
วันที่ 28 ก.ย. 2565 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เดินทางเยือนประเทศออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือระดับนโยบายและการศึกษาดูงานว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง ไทย-ออสเตรเลีย เป็นวันที่ 2 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายมนตรี ศิลป์มหาบัณฑิต ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ รักษาราชการแทนรอง ผบช.ปส. พ.อ.บุรี บุญธรรม รอง ผอ.สำนักปฏิบัติการข่าว ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และนายอภิชาติ ใจงาม นักวิชาการ กรมศุลกากร ร่วมคณะโดยคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมการทำงานของสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย ประจำภูมิภาคตะวันออก (AFP EC) โดยมี Mrs.Kirsty Schofield ผู้ช่วยผู้บัญชาการ AFP EC และ Mr. Brett James ผู้บังคับการ AFP EC Mr.Paul Hopkins เจ้าหน้าที่อาวุโส AFP Mr.Isidro Steger เจ้าหน้าที่ตำรวจสหพันธ์-กรุงเทพฯ ให้การต้อนรับ คณะผู้แทนได้รับฟังการบรรยายสรุป โครงสร้างและภารกิจของ AFP การเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด รวมถึงความก้าวหน้าและแนวทางความร่วมมือระหว่างสองประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งทาง AFP EC ยังได้แนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นอุปกรณ์และโปรแกรมที่ทันสมัย ในการตามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดอีกด้วยMrs.Kirsty กล่าวว่า ขอขอบคุณความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและไทย ที่มีมาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น ทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศ การปราบปรามอาชญากร กลุ่มผู้มีอิทธิพล แก๊งมอเตอร์ไซค์ และการป้องกันยาเสพติดที่ส่งจากไทยมายังออสเตรเลีย ซึ่งที่ผ่านมามีปฏิบัติการร่วมกันมากมาย เช่น ปฏิบัติการ Acerrae จับกุมเฮโรอีนที่ซุกซ่อนในถังสีมูลค่า 940 ล้านบาท เตรียมส่งมายังออสเตรเลีย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ปฏิบัติการร่วม Taskforce STORM ซึ่งทำให้สามารถสืบสวนขยายผลเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญได้เป็นจำนวนมาก และยังมีอีกหลายกรณีที่ทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างดี โดยที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 44 รายทั้งในไทยและออสเตรเลีย และผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 16 ราย ยึดทรัพย์สินได้ทั้งหมด 26.8 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 670 ล้านบาท
“ต้องขอขอบคุณ นายสมศักดิ์ นายวิชัย และ ป.ป.ส. ที่ทำงานร่วมกับออสเตรเลียอย่างมีประสิทธิภาพ เราเห็นถึงความตั้งใจของไทย และจะเดินหน้าทำงานร่วมกันต่อไป ทั้งในเรื่องของการปราบปรามและการแจ้งเบาะแสร่วมกัน”Mrs.Kirsty กล่าวด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยจริงจังกับการปราบปรามยาเสพติด เห็นได้ชัดจากการปรับปรุงกฎหมายให้มีความกระชับและเข้มข้นมากขึ้น จนยึดทรัพย์ตัดวงจรผู้ค้ายาเสพติด ปีที่แล้วเรายึดได้ถึง 7,300 ล้านบาท และปีนี้ที่ยึดได้มากถึง 10,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าเราตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ต้องขอบคุณทาง AFP ที่ได้แนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก แต่คงต้องกลับไปศึกษารายละเอียดก่อน เพราะไทยไม่มีกฎหมายแบบออสเตรเลีย อาจจะกระทบกับเรื่องของสิทธิเสรีภาพได้ แต่ยืนยันว่าเราจะพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานด้านต่างๆให้เท่าทันกับผู้ค้ายา ขอให้ทางออสเตรเลียวางใจได้
“แม้ว่าที่ผ่านมาจะมียาเสพติดหลุดรอดจากไทยไปบ้าง เนื่องจากไทยอยู่ติดกับพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และมีการจราจร การขนส่งที่สะดวก ทำให้เป็นจุดพักยาไปต่างประเทศ แต่ทุกหน่วยงาน ทั้ง ตำรวจ ป.ป.ส. ดีเอสไอ ศุลกากร บูรณาการร่วมกันทำงานหนักในเรื่องนี้ ซึ่งจากนี้ไปขอให้ทางออสเตรเลียมั่นใจในเรื่องของความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่างๆจะมีการพัฒนามากขึ้น และในวันพรุ่งนี้ทางคณะจะมีการเข้าหารือกับทาง ผบ.ตร.และผู้บังคับการด้านต่างๆ ของออสเตรเลียด้วย เพื่อศึกษาเทคนิคการทำงานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด”นายสมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายวิษณุ และนายสมศักดิ์ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานพิทักษ์เขตแดนออสเตรเลีย ( ABF) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรการเรียนการสอนด้านการตำรวจและการฝึกอบรมต่าง ๆ โดยจะนำข้อมูลไปศึกษาและพัฒนา เพื่อนำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับประเทศไทย