เลขาธิการสภาฯ ส่งบันทึกการประชุม คณะกก.ร่างรธน.ถึง ศาลรธน.แล้ว เผย “มีชัย” ระบุชัด วาระนายกฯครบ8ปี ให้นับรวม การดำรงตำแหน่งครั้งแรก เมื่อปี 2557 ด้วย
วันที่ 10 ก.ย.2565 นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดส่งสำเนาบันทึกการประชุม และ รายงานการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 501 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 มีวาระการประชุม รับรองการประชุมครั้งที่ 500 วันที่ 7 กันยายน 2561 ที่ คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุม และ รายงานการประชุมตรวจทานแล้ว โดยไม่มีการแก้ไข ให้จัดส่งต่อ ศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 13 กันยายนนี้ เพื่อพิจารณาประกอบคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ส่งผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ ว่า
สำนักงานเลขาธิการสภาได้เตรียมเอกสารไว้แล้ว เนื่องจากศาลได้ส่งหนังสือขอเอกสารมาทางอีเมล์เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา แต่เอกสารฉบับทางการมาถึง สำนักงานเลขาธิการสภา ในช่วงเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสภา พร้อมเตรียมส่งเอกสารที่ทางศาลรัฐธรรมนูญขอมาในวันเดียวกันนี้
ต่อข้อถามว่า เอกสารของทางสำนักงานเลขาธิการสภา ถือว่าเป็นหลักฐานทางชั้นศาล ได้หรือไม่ นางพรพิศกล่าวว่า เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางสำนักงานเลขาธิการสภามีเอกสารครบ เพราะเราเป็นแหล่งจัดเก็บเอกสารทางประวัติศาสตร์ของสถาบันนิติบัญญัติทั้งหมด ดังนั้น ทุกอย่างจึงมีครบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดส่งสำเนาบันทึกการประชุม และ รายงานการประชุม กรธ. ครั้งที่ 501 มีรายงานข่าวจาก สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุม กรธ.แจ้งว่า การประชุมของ กรธ.ในช่วงทำความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นช่วงเวลาหลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วเสร็จนั้น พบว่ามีเพียงการทำบันทึกการประชุมเท่านั้น ไม่มีรายงานการประชุม ใช้เจ้าหน้าที่ชวเลขดำเนินการบันทึกจดคำพูดทุกตัวอักษร เนื่องจาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ. ระบุว่าไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ชวเลข เพราะผ่านขั้นตอนการทำรัฐธรรมนูญแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 ได้มีการเผยแพร่ความเห็นส่วนตัวของ นายมีชัยเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี โดยระบุว่า ให้นับรวมการดำรงตำแหน่งนายกฯก่อนที่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ด้วย โดยนับตั้งแต่ปี 2557 ส่วนกรณีเป็นประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 นายมีชัยระบุในคำชี้แจงส่งต่อ ศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการจดรายงานไม่ครบถ้วน และ สรุปตามความเข้าใจของผู้จด อีกทั้ง กรธ.ยังไม่ได้ตรวจรับรองรายงานการประชุมนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ในบันทึกการประชุม กรธ. ครั้งที่ 501 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 มีคำยืนยันว่าผ่านการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุม และ รายงานการประชุม โดยคณะอนุกรรมการที่มี นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีต กรธ. ในฐานะประธานอนุกรรมการ ในคณะดังกล่าวมี นายสุพจน์ ไข่มุกด์ เป็นรองประธาน กรธ. คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่อนุกรรมการตรวจบันทึกการประชุมด้วย
“หากบันทึกการประชุมของกรธ.ครั้งที่ 500 ทำไม่ถูกต้องตามที่ นายมีชัยระบุในคำชี้แจงที่ให้ต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ นายสุพจน์ ร่วมเป็นอนุกรรมการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุ มต้องทักท้วงและท้วงติงก่อนนำเสนอให้ที่ประชุม กรธ.ครั้งที่ 501 พิจารณาแล้ว เนื่องจากในบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 นั้นมีการจดบันทึก และ รายงานการแสดงความคิดเห็นของ นายสุพจน์ไว้คู่กับ นายมีชัยด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับบันทึกการประชุมนั้นเป็นเอกสารเผยแพร่ได้ ในห้องสมุดรัฐสภา และอดีตกรธ.ทุกคน จะมีบันทึกการประชุมทุกนัดไว้คนละหนึ่งฉบับ” รายงานข่าวระบุ