“ชัยวุฒิ” เผยต้องรอคำวินิจฉัย ศาลรธน.ปมนายกฯ8ปีก่อน ค่อยหารือ ปรับ ครม.

30

“ชัยวุฒิ” ยก “บิ๊กป้อม” ให้เกียรติ “บิ๊กตู่” ต้องฟังคำวินิจฉัยศาลรธน.ให้ชัดเจนก่อน ถึงพิจารณาเรื่องการปรับ ครม. ชี้ผู้ใหญ่พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันตลอด

วันที่ 6 ก.ย.65 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เรื่องการปรับครม. หากฟังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ระบุว่าต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกลับมาทำหน้าที่ถึงจะปรับ

เมื่อถามว่า ที่พูดเช่นนี้แสดงว่ามีความมั่นใจว่ ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยให้พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาทำหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า จะไปตอบอย่างนั้นไม่ได้ แต่พูดในหลักการว่า การจะปรับครม. ในขณะที่ท่านเป็นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ท่านไม่อยากจะทำสิ่งนี้ เป็นเรื่องที่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนทำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร จะทำอะไรก็ให้เกียรติพล.อ.ประยุทธ์ตลอด มีการคุยกันตลอด แต่ทราบมาว่าแต่ละพรรคมีรัฐมนตรีที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือลาออกไป มีตำแหน่งว่าง จึงเป็นเรื่องที่ทางผู้ใหญ่ทุกพรรคจะต้องมาคุยกัน

เมื่อถามว่า แสดงว่าพล.อ.ประวิตรได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วใช่หรือไม่ว่า รอให้กลับมาทำหน้าที่ก่อนจึงจะดำเนินการ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไปตอบแทนแบบนั้นไม่ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการทำงานต้องให้เกียรติกัน และคุยกันทุกพรรค หัวหน้าพรรคทุกคน ผู้ใหญ่ ต้องมาคุยกัน และ เมื่อถามถึงความจำเป็นในภาวะเช่นนี้จะต้องเร่งรัดแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลยังทำงานได้ สามารถทดแทนกันได้ และอยากให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลยังทำงานได้

ต่อข้อถามถึงโควตาพรรคพลังประชารัฐที่ยังว่างอยู่ จะแต่งตั้งเข้ามาในการปรับครม.เลยหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เห็นว่า ว่างมาตั้งนานไม่เห็นเป็นอะไร ยังทำงานกันได้ ส่วนเมื่อถามว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้มีการคุยกับพล.อ.ประวิตร วางแผนเพื่อรอ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น เข้าใจว่ามีการพูดคุยกัน แต่ผลสรุปออกมาเป็นอย่างไรไม่ทราบ ต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมาทำหน้าที่ตามปกติ แล้วค่อยมีการหารือกันจริงจังอีกครั้งหนึ่ง