ผมเองคงไม่กล้าฟันธงว่า “ไพร พัฒโน” อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จะได้รับการเลือกตั้ง หลังเปิดตัวลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย เพราะการเมืองมีหลายเหตุปัจจัย
แต่ “สุขุม นวลสกุล” อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นักรัฐศาสตร์ ได้ฟันธงไปแล้วว่า ไพรจะปักธงให้พรรคภูมิใจไทยอีก 1 เขตในจังหวัดสงขลา เข้าใจได้ในเหตุผลว่า ไพร คือลูกของ ไสว พัฒโน อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
เข้าใจได้ว่า ไพร คือ อดีต ส.ส.ในเขตนี้ 4 สมัย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เข้าใจได้ว่า ไพรคืออดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ผู้ล้ม “เคร่ง สุวรรณวงศ์” ที่อยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่มา 20 กว่าปี เข้าใจว่า ไพร มีญาติเยอะ มีเพื่อนฝูงมาก อันอาจจะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้หรือแม้กระทั่งการกล่าวถึงภาคใต้ ต้องขายการท่องเที่ยว และพรรคภูมิใจไทยมี พิพัฒน์ รัชกิจประการ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ จะเป็นเหตุผลปัจจัยสนับสนุน หรือ ลมใต้ปีกให้ไพรได้ แต่เหตุปัจจัยแค่นี้ ไม่ใช่ดัชนีบ่งชี้ ให้ฟันธงได้ว่า ไพรจะปักธงให้พรรคภูมิใจไทยได้อย่างง่าย โดยไม่คำนึงถึงเหตุปัจจัยอื่น หรือ ไม่กล่าวถึงพรรคคู่แข่งเลย
ถ้ากล่าวถึงเขตเลือกตั้งที่ 3 ของสงขลา คือโซนไข่แดงของ เมืองหาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมี “พยม พรหมเพชร” จากพรรคพลังประชารัฐ เป็น สส.อยู่ พยม พรหมเพชร ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะมาด้วยกระแสพลังประชารัฐ กระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงด้านเดียว พยม เป็นโฆษกงานวัดที่ใครๆก็รู้จัก รักใคร่มานาน เพียงแต่มีปืนกระบอกเล็ก สู้ปืนใหญ่ลำบาก อาจจะต้องใช้กลยุทธ์แบบ “ซุ่มยิง”
ไม่ควรมองข้ามพรรคเจ้าถิ่นเดิม อย่างประชาธิปัตย์ ที่ในจังหวัดสงขลา มีรองหัวหน้าพรรคอยู่ถึงสองคน คือ “นิพนธ์ บุญญามณี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ นายกชาย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้า ตัดสินใจส่ง “สมยศ พลายด้วง” หรือในวงการผู้รับเหมาจะรู้จักเขาในนาม “เสี่ยถึก” พูดได้ว่ากว้างขวางในวงการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของหาดใหญ่“เสี่ยถึก”หลังจากตัดสินใจลงเล่นการเมือง ก็เดินสายพบปะชาวหาดใหญ่ไม่เว้นวัน จัดกิจกรรมประชุม สัมมนาแกนนำมาตลอด โดยมี นิพนธ์ บุญญามณี ให้การสนับสนุนเต็มที่ แถมยังมี นายกฯชาย เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนอีกแรง ก็ไม่ง่ายนักกับการเปิดตัววันแรกแล้วจะฟันธงว่า ไพร จะชนะแบบง่ายๆ
ทั้งนิพนธ์ และ นายกฯชาย จะต้องออกแรงมาก เพราะ นิพนธ์ ก็ยังมี “สรรเพชญ บุญญามณี” ลูกชายลงสมัครด้วย แม้ครั้งที่แล้วจะแพ้ให้กับ “วันชัย ปริญญาศิริ” จากพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังคงเดินพบปะชาวบ้านย่านชุมชน อย่างต่อเนื่อง ช่วงโควิด 19 ระบาดหนักๆ ก็แจกข้าวกล่อง แจกปลากระป๋อง บรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านไปไม่น้อย
“นิพนธ์”ก็คงจะหมายมั่นปั้น ลูกชายให้แจ้งเกิดทางการเมือง เช่นเดียวกับ นายกฯชาย นอกจากตัวเขาเองแล้วยังมีภรรยา และลูกชายลงสมัครด้วย และการที่ นายกฯชาย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ประกาศว่า ภาคใต้จะต้องได้ 35 ที่นั่ง คงบวกรวมสงขลาได้ด้วยอย่างน้อย 5-6 คน
เข้าใจได้ว่าวันนี้กระแสพรรคภูมิใจไทย ค่อนข้างดีในภาคใต้เวลานี้ แต่การเมืองไม่ได้ตัดสินกันในวันนี้ ยังมีเวลาอีก 6 เดือนถึงจะเลือกตั้ง (ถ้าสภาอยู่ครบวาระ) การเมืองอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ คงจำกันได้กับคำพูด คำเดียวของ พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ กับคำว่า “สินค้าแบกะดิน”
อันเป็นการกล่าวถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงชิงเก้าผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรก ซึ่ง “ชนะ รุ่งแสง” ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และ เสียงตอบรับดีมาก แต่การปราศรัยเชิงเปรียบเทียบว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็แค่ “สินค้าแบกะดิน” คะแนนนิยมพลิกจาก ชนะ รุ่งแสง ไปอยู่กับ พล.ต.จำลอง เพียงชั่วข้ามคืน และ พล.ต.จำลอง ก็คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ไปครอง
หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ พลาดกับวลีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ออกคลิปว่า “ไม่เอาประยุทธ์ เป็นนายกฯ” กระแสพลิก ทำให้ประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ ในกรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศได้มาแค่ 50 กว่าที่นั่ง เพราะคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงนั้นยังดีอยู่
นี่ยังไม่นับรวมพรรคเล็ก พรรคน้อย ที่จะมาแย่งคะแนนจากพรรคใหญ่ไปอีก โดยเฉพาะคะแนนจากคนรุ่นใหม่ ที่อาจจะตัดสินใจเลือกพรรคที่มีแนวคิดสอดคล้อง กับ ความต้องการของพวกเขา เหมือนอย่างการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี62 ใครจะคิดว่าคะแนนของ พรรคอนาคตใหม่จะมาเยอะขนาดนั้น เยอะขนาดทำให้ พรรคอนาคตใหม่มี สส.มากถึง 60 กว่าคน ทั้งๆที่เป็นพรรคการเมืองใหม่เอี่ยมอ่อง
เรื่องการท่องเที่ยว ก็ไม่ใช่จะเป็นดัชนีนี้ว่า จะทำให้เศรษฐกิจของหาดใหญ่ฟื้นตัวขึ้นมาได้โดยเร็ว สถานการณ์เปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน โควิด 19 ได้เข่นฆ่าเศรษฐกิจหาดใหญ่ย่อยยับไปแล้ว ตึกแถวมีแต่ติดประกาศขาย เซ้ง เลิกกิจการ โรงแรมประกาศปิดตัว ขายกิจการ เพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนต่อไปได้ และยังไม่เห็นอนาคตการฟื้นตัว ของการท่องเที่ยวหาดใหญ่ หรือ หาดใหญ่อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่เมืองเป้าหมายการท่องเที่ยวแล้ว ค่านิยมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว
ภาคใต้นอกจากการท่องเที่ยวแล้วยังจะต้องมีนโยบายอื่นๆ ที่สนองตอบต่อสังคมคนใต้ วิถีของคนใต้ ยางพารา จะทำอย่างไรให้ราคามีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับ ปาล์ม หรือ อาชีพประมง จะส่งเสริมสนับสนุนอย่างไร จุดไหนอย่างไร ที่ควรจะเป็นคลังอาหารของภาคใต้ ยังไม่พูดถึงแม็กกะโปรเจ็คจะทำอะไรบ้าง ถนนคู่ขนานกับถนนเอเชีย คลองไทย แลนด์บริดจ์ หรือ SEC จะปักหมุดอย่างไร ตรงไหน นโยบายกระจายอำนาจจะไปในทิศทางไหน จะเปิดองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษไหม จะมีจังหวัดจัดการตนเองขึ้นมาหรือเปล่า เหล่านี้ต่างหาก คือ ปัจจัยประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือก หรือไม่เลือกใคร
การเมืองมองกันยาวๆไกลๆ ไม่ควรเอาสถานการณ์วันนี้ ไปชี้วัดอนาคตวันหน้าอีกยาวไกล แม้ปี่กลองจะกระหึ่มดังก้องแล้วก็ตาม
#นายหัวไทร