ด่วน! ศาลปค.สูงสุด สั่งคุ้มครอง “สืบพงษ์” ปฎิบัติหน้าที่อธิการบดี ม.รามฯ ต่อไป

241

ศาลปกครองสูงสุด ยืนตามคำพิพากษา ศาลปกครองกลาง ให้ ผศ.ดร. สืบพงษ์ ปราบใหญ่ นั่ง ตำแหน่งอธิการบดี ม.รามคำแหง ต่อไป ด้านกลุ่มนักศึกษา ม.รามฯ ดีใจได้รับความยุติธรรมอีกครั้ง ชี้ ยังมีความพยามเลื่อยขาเก้าอี้อีก

วันที่ 23 ส.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตาม คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในคดีที่ สภามหาวิทยาลัย ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลยกฟ้อง กรณีศาลปกครองกลาง สั่งให้ “ผศ.ดร. สืบพงษ์ ปราบใหญ่” กลับไปนั่งอธิการบดี ม.รามคำแหง ในขณะที่ศาลปกครองชี้ มติสภา ม.รามคำแหง มีผลกระทบต่อสิทธิ ไม่ได้มีการสืบสวนความผิด ส่งผลให้ ผศ.ดร. สืบพงษ์ ปราบใหญ่ กลับไปทำหน้าที่อธิการบดีเหมือนเดิมสาระสำคัญที่ก่อนศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คือ เป็นเหตุผลของการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง ระบุตอนหนึ่งว่า การถอดถอน ผศ.ดร. สืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดี เป็นคำสั่งทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดี แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีการสืบสวนสอบสวนถึงการกระทำความผิด และ แจ้งให้ผศ.ดร. สืบพงษ์ ​ ได้มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอเพื่อโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหา

นอกจากนั้น ผศ.ดร. สืบพงษ์ ​เพิ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 64 และ ถูกสภามหาวิทยาลัยฯ ลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 3 เดือน ถือว่าผู้ฟ้องคดีเพิ่งได้เริ่มปฏิบัติงาน และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งว่าการกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นการกระทำอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนหรือไม่ ในชั้นนี้จึงเห็นว่า มติของสภามหาวิทยาลัย รวมทั้งคำสั่งถอดถอนที่ออกตามมาน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย

หากต่อไปศาลเพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง และคำสั่งสภามหาวิทยาลัย ผู้ฟ้องคดีอาจไม่สามารถดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้อีก อันเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง ยากแก่การเยียวยา อีกทั้งการทุเลาการบังคับตามมติสภามหาวิทยาลัยฯ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงาน เนื่องจากนายสืบพงษ์ สามารถดำเนินการบริหารงานของมหาวิทยาลัยตามอำนาจหน้าที่ได้ต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีกระแสข่าวการปลดอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังไม่จบ หลังจาก สภามหาวิทยาลัยมีการเรียกประชุมสบ่อยครั้ง จนเป็นที่น่าสังเกตจะหาเหตุพยายามจะถอดถอนอธิการบดีอีกครั้ง และในการเรียกประชุมสภาฯ แต่ละครั้งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณจ่ายเบี้ยประชุม ให้กรรมการ 160,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งการเรียกประชุมจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตั้งสอบอธิการบดี อ้างเหตุจากการร้องเรียนจากผู้ร้องที่ไม่มีตัวตน และมีการเรียกร้องจากกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรราม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่า ขั้นตอนหรืออำนาจการตรวจสอบข้อเท็จจริงถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ด้านกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เดินทางมาให้ กําลังใจ ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ แสดงความดีใจที่อธิการได้รับความยุติธรรม และขอขอบคุณศาลปกครองสูงสุด ถือเป็นบันทึกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาว ม. รามคําแหง พวกเราเชื่อมั่นอธิการบดีว่า จะพัฒนามหาวิทยาลัย ให้เจริญก้าวหน้าได้ต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกระแสข่าว สภามหาวิทยาลัย ยังคงมีความพยายามที่จะถอดถอนอธิการบดีอีก โดยพยายามนําเรื่องร้องเรียน จากผู้ร้องเรียน ที่ไม่มีตัวตน เบัตรสนเท่ห์ หาเหตุถอดถอนอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหง จะพยามปกป้องและให้กำลังใจอธิบการบดีอย่างถึงที่สุด