“อนุทิน” ให้คำมั่น ชาวเชียงราย ถ้า ภท.ได้เป็น รบ. จะยกระดับท่องเที่ยวทั้งภูมิภาค

“อนุทิน ชาญวีรกูล” เผย “ภูมิใจไทย” กระแสดี พื้นที่เชียงราย ให้คำมั่น หากได้เป็นรัฐบาล จะยกระดับการท่องเที่ยวทั้งภูมิภาค พร้อมชูนโยบายพักหนี้ประชาชน 3 ปี ชื่นชม อสม.ทุ่มเททำงาน

วันที่ 20 สิงหาคม 2565 ที่โรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เดินทางมาให้กำลังใจ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมโรคระบาด และเป็นส่วนสำคัญในการดูแลระบบสาธารณสุขไทย โดยภายหลังเสร็จกิจกรรม นายอนุทิน ในฐานะหัวพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่า มาวันนี้ ได้พบกับ นายเอกภพ เพียรวิเศษ และ นายพีรเดช คำสมุทร ซึ่งในการเลือกตั้งครังหน้า จะเป็นผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ได้ถ่ายทอดปัญหา และความต้องการของชาวบ้านได้รับทราบ การได้มาเจอประชาชนวันนี้ พบว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นที่นิยมมากขึ้น ต้องขอบคุณการทำพื้นที่ของสมาชิกพรรคกับพี่น้องจังหวัดเชียงราย ตนยกให้เป็นราชสีห์ ส่วนตนเป็นหนูตัวหนึ่ง ที่พร้อมเข้ามาช่วยเหลือ เพียงแต่ขอโอกาสจากท่าน มีเรื่องติดใจ เพราะเมื่อไปที่เชียงแสน มองไปฝั่งตรงข้ามมองเห็นความเจริญ ส่วนหนึ่งเพราะเขามีคาสิโน ก็ต้องคิดแล้วว่า บางเรื่องเราต้องทำให้เกิด แต่ต้องควบคุม โดยมีจุดประสงค์ คือ ให้พี่น้องประชาชน มีชีวิตที่ดีขึ้น พื้นที่มีเงินเข้ามามากขึ้นส่วนการได้พบพี่น้อง อสม. วันนี้ ขอชื่นชมการทำงาน และคิดว่า การที่ได้เงินประจำ 1,000 บาทต่อเดือน และได้เพิ่มช่วงโควิด-19 อีก 500 ไม่พอกับความทุ่มเทเสียสละ มองว่าควรจะได้สัก 2,000 บาทต่อเดือน เพราะ อสม. ก็ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น เข้าโรงพยาบาลน้อยลง งบฯตรงนั้น น่าจะเอามาตอบแทนการทำงานหนักของ อสม. ที่มั่นใจว่า อนาคต ต้องเจองานหนักแน่ เพราะท่านได้ชื่อว่าเป็นหมอคนแรกแล้ว ความรับผิดชอบต้องเพิ่มขึ้น อีกเรื่องคือ ตนเห็นประชาชนลำบากมามากกับช่วงโควิด-19 มีการกู้หนี้ยืมสิน จากการทำธุรกิจมาก่อน สิ่งที่ลูกหนี้ต้องการ คือเวลา เราต้องให้เวลาในหาเงินมาจ่ายหนี้ ประชาชนก็เช่นกัน พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายพักหนี้ 3 ปี เฉพาะผู้ที่เป็นหนี้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่สื่อสารไปนั้น ทำได้แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาล ได้ทำงาน บางเรื่องทำ โดยที่ไม่เคยต้องพูดก็มี เช่น เรื่องนโยบายฟอกไตฟรี 30 บาทรักษาทุกที่เป็นต้น“จังหวัดในภาคเหนือ มีความสวยงามมาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก แต่ที่ผ่านมา เหมือนเจอทางตัน เพราะต่างคน ก็ต่างทำ ไม่มีใครมาบูรณาการช่วยกัน มันถึงเวลาที่ต้องยกระดับด้านการท่องเที่ยว ต้องมีกองทุน ให้แต่ละจังหวัดนำกลับไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว และระบบสาธารณูปโภค อาจจะ 300 ล้านบาท ถึง 500 ล้านบาท และเมื่อแต่ละจังหวัดได้ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวตัวเอง จะมีเงินไหลกลับเข้าประเทศ เป็นหลักล้านล้านบาท ชั่วโมงนี้ ต้องเน้นการเอาเงินเข้าประเทศ สร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชน บางคนมองว่านโยบายของเราคือต้นทุน แต่พรรคภูมิใจไทย มองว่ามันคือโอกาสสำหรับพี่น้องประชาชน ในการพยายามสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ มันก็คือการย้ายเอาเงิน มาไว้ในกระเป๋าพี่น้องประชาชน เมื่อประชาชนใช้จ่าย รัฐก็ได้ภาษี การกระจายเงินงบประมาณให้ประชาชน มันไม่ใช่ต้นทุน แต่มันคือโอกาสของประเทศ” นายอนุทิน กล่าว