“องอาจ คล้ามไพบูลย์” ประธานสส.พรรคปชป. ยอมรับการประชุมรัฐสภาวันที่ 15 ส.ค.นี้ อาจซ้ำรอย “สภาล่ม” ซึ่งเป็นไปตามกระแสข่าว “เผด็จการรัฐสภา”จับมือ “เผด็จการทหาร” ทำแท้งกฎหมายลูก เพื่อให้ได้เปรียบการเลือกตั้ง
วันที่ 14 สิงหาคม 2565 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ ประธาน ส.ส.พรรคปชป. กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเมื่อเกิดเหตุการณ์สภาล่ม ว่า แน่นอนที่สุดว่าเมื่อสภาล่ม ประชาชนย่อมรู้สึกไม่พอใจการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. และองค์กรรัฐสภาโดยรวมที่ประชาชนเลือกตั้งให้มาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนในสภา แต่ไม่ทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ควรต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไขไม่ให้สภาล่มเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. โดยรวม ถึงแม้จะมี ส.ส. และ ส.ว. ส่วนหนึ่งอยู่ประชุมสภาตามปกติ แต่เมื่อมีการนับองค์ประชุมแล้ว มี ส.ส. และ ส.ว. อยู่ไม่ครบเป็นองค์ประชุมจนทำให้สภาล่ม ผู้ที่อยู่ประชุมสภาก็ย่อมถูกตำหนิไปด้วย เหตุการณ์สภาล่มจึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาอย่างมาก ผู้ที่ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมในสภาจนทำให้สภาล่มจึงต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมสภาเพราะอะไร อย่างไร
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวว่า สภาล่มเพราะ 2 เผด็จการ คือ เผด็จการรัฐสภา และเผด็จการทหารจับมือกัน ทำให้กฎหมายลูกออกมาเป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองบางพรรคให้ได้เปรียบจากการเลือกตั้ง และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันในอนาคตนั้น ก็เป็นข้อมูลที่ต้องรับฟัง คงต้องติดตามต่อไปว่าการเคลื่อนไหวของ ส.ว. และ ส.ส. บางพรรคจะแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นไปได้อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่
“สำหรับที่มีการฟันธงกันว่า การประชุมสภาวันที่ 15 ส.ค.นี้ สภาล่มแน่นอนนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่สภาจะล่มอีก เพราะมี ส.ว. และ ส.ส. จากบางพรรค ออกมาบอกว่าจะทำให้องค์ประชุมไม่ครบเพื่อทำให้สภาล่ม เพื่อต้องการให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. เป็นไปอย่างที่ตนต้องการ แต่ไม่ว่าใครหรือบางพรรคการเมืองใดต้องการให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ออกมาทำให้ได้เปรียบจากการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรทำให้สภาล่ม แต่ควรทำให้สภาเดินหน้าประชุมไปได้ตามกระบวนการปกติ น่าจะเกิดผลดีต่อภาพลักษณ์สภา และเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมมากกว่า” นายองอาจ กล่าว