จับชายวัย 61 ปี ปล่อยเงินกู้ขูดดอกเบี้ยสุดโหด เจ้าตัวบอกไม่ได้ทำเพราะผิดหลักศาสนา อ้างแค่ขายของเงินผ่อน ขณะที่ลูกหนี้บอกขาดส่งวันเดียวบวกดอกเพิ่มวันละ 20 บาท แถมโดนตบด้วย
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.60 พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ต.มงคล วรุณโน ผบก.น.5 พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ รอง ผกก.สส. ร่วมกันจับกุม นายสุรัตน์ พันธุ์สะอาด อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาคดีปล่อยเงินกู้เกินกฎหมายกำหนด และทำร้ายร่างกายลูกหนี้ โดยมี นางภาลินี จุ้ยไทย อายุ 65 ปี ผู้เสียหายลูกหนี้ที่ขาดส่งดอกถูกตบหน้า เดินทางมาชี้ตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 60 ที่ผ่านโดยจับกุมภายในซอยตรอกต้นโพธิ์ เขตบางคอแหลม กทม.
นายสุรัตน์ ให้การว่า ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ เพราะการปล่อยเงินกู้ขัดหลักศาสนาอิสลาม แต่ตนมีอาชีพขายสินค้าเงินผ่อน โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณ
โทรศัพท์มือถือ และทีวี โดยลูกค้าส่วนใหญ่สนใจซื้อทองรูปพรรณ ราคาทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 สลึง ราคา 5,900 บาท
แต่ลูกค้าไม่เอาทองคำ ขอเปลี่ยนเป็นเงินสดแทน ซึ่งตกลงผ่อนส่งวันละ 400 บาท จำนวน 35 งวด
สำหรับ นางภาลินี ส่งได้เพียง 3-4 งวดก็ขาดส่ง พยายามหนีหน้า ทำให้ตนเกิดความโมโห พอเห็นนางภาลินี จึงใช้มือตบที่ใบหน้า แต่แค่เพียงเฉี่ยวๆ เท่านั้นกระทั่งมาทราบว่าถูก นางภาลินี แจ้งความดำเนินคดี
นางภาลินี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไปขอกู้เงินกับนายสุรัตน์ ด้วยวิธีการซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง จากนายสุรัตน์ แล้วเอาสร้อยขายคืน และเอาเงินสดไปใช้ จำนวน 5,900 บาท ซึ่งจะต้องส่งเงินวันละ 400 บาท ถ้าขาดส่งก็จะเพิ่มดอกขึ้นอีกวันละ 20 บาท และถ้าขาดส่งอีกดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งตนส่งมาหลายงวดแล้ว เหลือยอดเงินที่จะต้องส่งอีก 3,400 บาท โดยวันเกิดเหตุตนพร้อมด้วยลูกหนี้อีกราย เดินทางไปพบนายสุรัตน์ พื่อไปส่งดอกเงินกู้ที่ติดค้างมาหลายวัน แต่ทันทีที่เจอหน้าก็ถูกนายสุรัตน์ตบหน้าจนได้รับบาดเจ็บจึงได้เดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
พล.ต.อ.สุวิระ เผยว่า คดีนี้ผู้ต้องหาใช้วิธีปล่อยเงินกู้อำพรางโดยใช้วิธีขายของผ่อนบังหน้า จากการตรวจค้นพบสมุดบัญชีลูกค้า 2 เล่ม มีรายชื่อลูกค้ากว่า 100ราย เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และจิตใจ” และ “ข้อหาความผิดตาม” พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ เนื่องจากมีการข่มขู่ทำร้ายร่างกาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ดำเนินคดีต่อไป
Cr.Thairath