ภูมิใจไทยซัดสื่อบิดเบือน ขึ้นทะเบียนปลูกกัญชาเสีย5หมื่น

ศุภชัย ใจสมุทร ถามหาจรรยาบรรณสื่อ หลังบิดเบือนสาระกฎหมายกัญชา ชาวบ้านขึ้นทะเบียนปลูกจ่าย 50,000 บาท

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า มีประชาชนส่งคำถามว่า สรุปแล้วประชาชน ถ้าจะปลูกกัญชาต้องเสียค่าใบอนุญาตอย่างนั้นหรือ ผมได้ฟังคำถามก็ตกใจ เลยถามกลับว่า ท่านไปเอาข้อมูลมาจากไหน ปรากฏว่า ชาวบ้านได้ส่งลิ้งค์รายการหนึ่งมา ผมไปนั่งดู บางช่วงบางตอนผมถึงกับร้อง “เฮ่ย” เพราะการนำเสนอนั้น มันเป็นไปลักษณะของ “ถูกครึ่ง ผิดครึ่ง”

แต่ที่แน่นอนคือมันทำให้สังคมเข้าใจผิดในร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ไปจนถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ในรายการ มีความพยายามสื่อสารว่า เราวางเงื่อนไข จนประชาชนเข้าไม่ถึงการปลูก เพราะกฎหมาย กำหนดค่าใบอนุญาตสูงถึง 5 หมื่นบาท ฟังมุมไหน ก็เหมือนว่า นโยบายกัญชา มีล็อกมากมาย ประชาชนไม่มีทางเข้าถึง ผมฟังแล้วก็ต้องร้อง “อุบ๊ะ” แล้วต้องออมาชี้แจง ว่า “มันไม่ใช่”

เรื่องการปลูกการใช้ ใน พ.ร.บ.ระบุไว้อย่างชัดเจนเป็น 2 ประเด็น คือ การใช้ในครัวเรือน และการใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้ ผม และพรรคภูมิใจไทย อธิบายกันไว้หลายทีแล้ว แล้วท่าน เป็นถึงสื่อมวลชน มีหรือที่ท่านจะไม่รู้ ไม่ทราบ แต่ถ้าท่าน จะนำเสนอทั้งที่ท่านรู้ไม่จริง ผมก็ต้องออกมาอธิบาย ย้ำ กันให้เข้าใจอีกรอบ นี่ผมนั่งเปิดไฟล์ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของพรรคภูมิใจไทย ย้ำนะครับ กฎหมายฉบับนี้ แบ่งการใช้กัญชา เป็น

1. ใช้ในครัวเรือน อยู่ที่หมวด 4 เขียนว่าการจดแจ้ง และการรับจดแจ้งการใช้ประโยชน์จากกัญชากัญชงในครัวเรือน

สาระสำคัญคือ ถ้าคุณจะปลูกที่บ้าน ใช้ในครัวเรือน ขอให้ไปจดแจ้งครับ “ฟรี” “ไม่มีค่าใช้จ่าย” หลังจากนี้ จะเอาไปต้มไก่ ต้มชา ผสมอาหารจำหน่าย ก็เรื่องของท่าน แต่ขอให้เป็นสเกลของการปลูกใช้ในครัวเรือนนะครับ

2. ใช้ในเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม อยู่ที่ หมวด 3 เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาต อันนี้ สำหรับ ผู้ประกอบการที่ต้องการปลูก และขายกัญชา กัญชง ในเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม ที่คุณพูดถึงอยู่ในข้อ 2 อยู่ในหมวดนี้ ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนการขออนุญาตประกอบธุรกิจอื่น ซึ่งกฎหมายทุกฉบับจะกำหนดว่าใครมีอำนาจเรียกเก็บ ใบอนุญาตแต่ละใบจะเรียกเก็บได้ไม่เกินจำนวนเท่าใดเพื่อความชัดเจนและคุ้มครองการประกอบธุรกิจ ซึ่งเรื่องนี้ผมชี้แจงมาไม่รู้กี่ครั้ง ว่าร่าง พรบ.นี้ให้อำนาจรัฐมนตรีในการประกาศค่าธรรมเนียมแต่จะเรียกเก็บเกินไปกว่าที่กำหนดไว้ในทัายพระราชบัญญัติไม่ได้ ซึ่งแปลได้ว่ารัฐมนตรีจะออกประกาศยกเว้นหรือเก็บเพียงเล็กน้อยเท่าใดก็ได้
เอาล่ะ และสิ่งที่ ผมต้องเรียนท่านอีกเรื่องคือ พ.ร.บ.ที่ท่านมายืนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ผ่านการพิจารณา โดย ส.ส.เกือบทั้งสภา พวกท่านทั้งหลายเป็นผู้แทนประชาชน มันแปลว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้รับการยอมรับในหมู่ปวงประชาแล้ว นี่คือ ร่างที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และร่างนี้ ก็ยังไม่ใช่กฎหมายสมบูรณ์ ต้องไปว่ากล่าวกันในชั้นกรรมาธิการ ในวาระสองของสภาอีก ดังนั้น สิ่งที่ท่านวิจารณ์มาทั้งหมด จึงยังไม่ใช่ข้อยุติแต่อย่างใด แต่ที่แน่ๆ แม้จะเป็นเพียง “ร่างกฎหมาย” แต่ก็ไม่สมควรที่ท่านจะมาบิดเบือน นี่คือเรื่องของสิ่งที่เรียกว่า “จรรยาบรรณ” ใช่หรือไม่ ยกเว้นเสียว่า ท่านจะไม่ยึดถือในเรื่องนี้แล้ว ผมเองจะได้รับทราบไว้ ขอบคุณครับ

#อย่าทำตัวเป็นสื่อเสื่อม