กบน.เคาะขึ้นน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 1 บาทต่ออีกสัปดาห์ เป็นราคาลิตรละ 35 บาท หวังพยุงสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดูแลราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้สูงเกินไป ล่าสุดกองทุนน้ำมันติดลบ 9.1 หมื่นล้าน
วันที่ 13 มิ.ย.2565 นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำดีเซลลิตรละ 1 บาท เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงมีความผันผวนและยังมีราคาสูงอยู่
สำหรับราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการออกมาตราการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่ตกลงจะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย การเปิดประเทศของจีน ตลอดจนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลงกว่า 1.2 ล้านบาร์เรล การปรับราคาดังกล่าวเป็นการทยอยปรับขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลปรับจากลิตรละ 33.94 บาท เป็นลิตรละ 34.94 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
สำหรับมาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันดีเซล มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เกี่ยวกับมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน โดยรัฐจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง ซึ่ง กบน. ได้พิจารณาปรับราคาน้ำมันดีเซลครั้งแรกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร จากที่คงราคาลิตรละ 30 บาทมาเป็นระยะเวลานาน และได้ทยอยปรับขึ้นลงตามสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์ โดยวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 33 บาทต่อลิตร ต่อมาวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ปรับขึ้นเป็นลิตรละ 33.94 บาท
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังมีมาตรการด้านภาษี โดยขยายการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลรอบที่ 2 ปรับลดอัตราภาษีลง 5 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ถึง 20 กรกฎาคม 2565 ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ลดลง 5 บาทต่อลิตร คิดเป็นฐานภาษีที่ลดจริงสำหรับดีเซล B5 อยู่ที่ 4.65 บาทต่อลิตร และการลดภาษีนี้ไม่ได้ลดราคาหน้าสถานีน้ำมันทันที เพราะต้องนำมาช่วยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุงราคาดีเซลให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ติดลบ 91,089 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 54,574 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 36,515 ล้านบาท ส่วนกระแสเงินสดอยู่ที่ 11,152 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝากธนาคาร 8,277 ล้านบาท เงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 2,875 ล้านบาท