โดนหักหลังต้องเอาคืน!!! รัสเซียเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศ พร้อมยกเลิกสนธิสัญญาที่ทำร่วมกับสหรัฐอเมริกา ลั่นไม่รับรองความปลอดภัย!!!
เมื่อเวลา 09.29 น. ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้อนุมัติสั่งกองทัพเรือยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก จำนวน 59 ลูก ถล่มฐานทัพอากาศในประเทศซีเรีย โดยฐานทัพแห่งนี้มีรัสเซียเป็นผู้สนับสนุน
ซึ่งการโจมตี ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ครั้งนี้ สหรัฐยืนยันว่า เพื่อต้องการทำลายฐานทัพที่เป็นเป้าหมายของกองทัพซีเรีย ที่มีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีใส่ประชาชนผู้บริสุทธ์ ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ประธานาธิบดี อัซซาด แห่งซีเรีย ใช้อาวุธเคมีสังหารผู้บริสุทธ์จำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้ นานาชาติยุติการนองเลือด
ขณะเดียวกันนั้น โทรทัศน์ทางการของรัฐบาลซีเรีย ได้ออกแถลงการณ์ประนาม สหรัฐอเมริกา ที่ใช้ขีปนาวุธจำนวนมาก ถล่มฐานทัพอากาศของซีเรีย เป็นเหตุให้พลเรือนและทหาร เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลาย 100 ราย โดยไม่มีการสอบสวนหาสาเหตุว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนครั้งนี้
ต่อมา กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ออกแถลงการณ์ว่า กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐ แจ้งไปยังกระทรวงกลาโหมรัสเซียล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่กองทัพเรือสหรัฐฯ จะโจมตีด้วยขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ไปยังฐานทัพอากาศของซีเรีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
ความคืบหน้าล่าสุดนั้น รัสเซีย ได้นำระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 และ S-400 และ Pantsir มาเสริมกำลังติดตั้งในฐานทัพอากาศเฮไมมีม และอีกชุดนำไปติดตั้งไว้บริเวณฐานทัพเรือของเมืองตาร์ตูส พร้อมประกาศ ยกเลิกสนธิสัญญา ที่ทำร่วมกันไว้โดยรัสเซียไม่รับรองความปลอดภัย ต่อเครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐที่บินเข้าสู่น่านฟ้าของซีเรีย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้อนุมัติคำสั่งให้กองทัพเรือรัสเซีย นําเรือพิฆาต 3 ลำ บรรทุกขีปนาวุธ KALIBR-NK เดินทางเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อไปยังท่าเรือ ในเมืองตาร์ตูส ประเทศซีเรีย แล้วเช่นกัน
ด้าน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียเหมือนถูกสหรัฐฯ หักหลัง เพราะเนื่องจากก่อนที่ ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ จะมีอนุมัติคำสั่งให้เรือพิฆาตทั้ง 2 ลำ โจมตีด้วยขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ถล่มฐานทัพอากาศของซีเรียนั้น รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้แจ้งไปยัง รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย
โดยระบุว่า สหรัฐฯ จะใช้ขีนาวุธโทมาฮอว์กโจมตีฐานที่มั่นของ ISIS ทางตอนเหนือของซีเรียเท่านั้น แต่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ไม่ได้ระบุ ถึงการใช้จำนวนของขีปนาวุธ และไม่ได้ระบุในเรื่องการโจมตีฐานทัพอากาศของซีเรียแต่อย่างใด รัสเซียจึงจำเป็นต้องเปิดทางให้ ตามสนธิสัญญาที่ทำร่วมไว้กัน โดยรัสเซียไม่รู้ว่าจะถูกสหรัฐฯ หักหลังเช่นนี้
Cr.Thai News Online