จับตาประเด็นร้อน การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ของฝ่ายค้าน เป็นศึกหนักของรัฐบาล “บิ๊กตู่”และพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมกับการประกาศกร้าวของ “ผู้กองมนัส” จะอุ้ม “บิ๊กป้อม” คนเดียว ไม่เอา “บิ๊กตู่” แสดงถึง “สัญญาณอันตราย” อันใดหรือไม่ พร้อมถอดสูตร “คณิตศาสตร์การเมือง” ทั้ง “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน” มีเสียงก้ำกึ่ง
รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าฝ่าคลื่นลม ผ่านร้อนผ่านหนาว เข้าใกล้ถึงเส้นชัย คือ การอยู่จนครบเทอม 4 ปี ที่ทุกฝ่ายตั้งเป้าหมายไว้ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ อย่าง พลังประชารัฐ (พปชร.) , ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภูมิใจไทย (ภท.), ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือกลุ่ม ส.ส.จากพรรคเล็กจำนวนหนึ่ง ที่ชูธงยกมือหนุนรัฐบาลมาโดยตลอด
ผลงานที่เห็นชัดเจน คือ การที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 278 ต่อ 194 เสียง นั่นแสดงว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังผนึกกำลังกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวแนบแน่น !
ที่สำคัญยังมี ส.ส.ซีกฝ่ายค้าน จากเพื่อไทย (พท.) แหกมติพรรคโหวตสวนหนุนให้รัฐบาลอีก 7 เสียง เรียกว่า ไม่ธรรมดาทีเดียวล่ะ! สำหรับ “บิ๊กตู่” ที่ลุกกล่าวขอบคุณทุกเสียง บนแท่นเก้าอี้ผู้นำฝ่ายบริหาร อย่างเต็มภาคภูมิ แถมยังโบกมือให้สื่อมวลชนด้วยรอยยิ้มในวันสุดท้ายของการประชุมสภาฯ
สำหรับการครบเทอม 4 ปี ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” นับนิ้วกันแล้วเหลือไม่ถึงปี หรือประมาณ 8 เดือนกว่าๆ ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม 2566
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวันนั้น รัฐบาลยังมีศึกใหญ่ที่รอยู่ข้างหน้า คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งงานนี้ถือว่า เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย เพื่อไทย
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร เตรียมคิว จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” วันที่ 15 มิถุนายนนี้ โดยจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่ “คาดว่า” จะถูกจับขึ้นเขียง มีมากถึง 10 คน นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม, “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นาย สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
พ่วงด้วยคีย์แมนของพรรคใหญ่ร่วมรัฐบาล 2 พรรค ทั้งหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค ได้แก่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์, นาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และ นาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
โดย “ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ครั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อธิบายว่า “เด็ดหัว” หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องปฏิบัติการให้พ้นตำแหน่ง ส่วน “สอยนั่งร้าน” ก็คือ รัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ต้องเอาความไม่ชอบมาพากล ที่ฝ่ายค้านได้สืบเสาะเจาะหาข้อมูลมาตีแผ่ ประจานกลางสภา
และที่สำคัญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ “ผู้กองมนัส” ซึ่งวันนี้ ได้ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) เต็มตัว ประกาศกร้าวการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคจะอุ้มเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คนเดียวเท่านั้น!
แต่การประกาศว่าจะอุ้ม “บิ๊กป้อม” คนเดียวนั้น ย่อมเป็นสัญญาณอันตรายที่ส่งตรงถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรงอย่าลืมว่า พรรคเศรษฐกิจไทย คือ ตัวแปรที่สำคัญ มี ส.ส.20 เสียง และยังมี ส.ส.ฝากเลี้ยง กระจายอยู่ในพรรคและกลุ่มต่างๆ โดย ส.ส.”ฝากเลี้ยง” เหล่านี้ ประมาณ 20 เสียง ต่างและล้วนอยู่ในเครือข่ายของ “ผู้กองมนัส” ที่เคยได้รับการ “แจกกล้วย” มาแล้วทั้งสิ้น … ดังนั้น หากได้รับสัญญาณนกหวีดจาก “ผู้กองมนัส” เมื่อไร ก็พร้อมปฏิบัติการ “ซ้ายหัน – ขวาหัน” ทันที ประเมินว่า พรรคเศรษฐกิจไทย และ ส.ส.ฝากเลี้ยง มีอย่างต่ำ 40 เสียงขึ้นไป
ย้อนกลับไปถึง การลงมติ พ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 ที่ผ่านฉลุยมาได้ เพราะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นที่จะไฟเขียวให้ผ่านออกมาเป็นกฎหมาย เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า โดยระบุว่า เพื่อพี่น้องประชาชน
แต่สำหรับ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ต่างกัน แต่จะเป็นเวทีห้ำหั่นทำลายกันให้ย่อยยับ ดับดิ้น ด้วยข้อมูลล้วนๆ ส่วนจะจริง หรือ เท็จ ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ฝ่ายค้านชุดนี้จะมีฝีมือ ทีเด็ด อย่างไร?
แต่ที่แน่ๆ พรรคเศรษฐกิจไทย และ เครือข่ายของ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่มีทางเอา “บิ๊กตู่”
เป็นเวทีที่เขาจะเอาคืนหลังถูกปลดพ้นตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และยังถูกตามเช็คบิล กระเด็นพ้นเก้าอี้ เลขาฯ พปชร. ดังนั้นหากนับเสียง ส.ส.ของ “ผู้กองมนัส” ประมาณ 40 เสียง เมื่อไปรวมกับฝ่ายค้าน เป็นสัญญาณอันตรายจริงๆ ต่อ ซีกรัฐบาล ถือว่า ก้ำกึ่งกันมาก ห่างกันไม่กี่เสียง
ลองบวกลบกันดู เอาง่ายๆ จากมติ ร่างพ.ร.บ.งบฯ เป็นตัวตั้ง คือ รัฐบาล 278 เสียง ฝ่ายค้าน 194 เสียง …ฝ่ายรัฐบาล 278 หัก 40 เสียง จะเหลือ เท่ากับ 278-40 = 238 ….ฝ่ายค้าน 194 บวก 40เสียงของ”ผู้กองมนัส” รวมเป็น 194+40 = 234
ดังนั้น เมื่อสรุปตัวเลข หรือ “คณิตศาสตร์การเมือง” การทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รัฐบาล และฝ่ายค้าน มีเสียงห่างกันแค่ 4 เสียงเท่านั้น !
อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ ในเมื่อเป็นช่วงสุดท้ายบั้นปลายของการร่วมรัฐบาล ทุกพรรค ย่อมต้องเตรียมพร้อมหาเสียง รับมือการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น ดังนั้น แต่ละพรรคย่อมงัดกลยุทธิ์ออกมาหาเสียง เรียกคะแนนนิยมกันเต็มที่ หากฝ่ายค้านมีข้อมูลทีเด็ด ที่น่าเชื่อถือ โอกาสที่จะโหวตสวนด้วยกันเอง ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ส่วนนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคก็เริ่มงัดกันออกมาโชว์ของดีกันแล้ว เริ่มจาก พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรค ภท. ที่กำลังดัง เปรี้ยงปร้าง จากการ “ปลดล็อก” กัญชาพ้นยาเสพติด กลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สามารถปลูกกันได้ทั่วประเทศ เรียกเสียงฮือฮากันได้ทั้งเมือง พ่อค้า แม่ขาย ขุดเอาต้นกัญชา มาวางขายกันอย่างเสรีที่สำคัญ นโยบายกัญชาเสรี ตอบรับสโกแกนหาเสียง “พูดแล้วทำ” ของ ภท. รับคะแนนกันไปเต็มๆ ส่งผลให้ “ภูมิใจไทย” กลายเป็นพรรคการเมืองเนื้อหอม ที่นักการเมืองส่วนใหญ่ อยากไปร่วมงานด้วย เรียกว่า “หัวกะไดไม่แห้ง”
ยังมีอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง คือ การดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าสุดท้าย แล้ว จะเริ่มนับ และครบ 8 ปีกันเมื่อใด ที่ในวันนี้ ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบ และยังหาข้อยุติไม่ได้ ! เมีความเห็นของหลายฝ่าย โดยฝ่ายค้านมองว่า ควรเริ่มนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ซึ่งจะครบ 8 ปี ในเดือนสิงหาคม 2565
ขณะที่ฝั่งรัฐบาล โดย วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า ได้เตรียมทางออกในประเด็นนายกฯ ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะชี้แจงต่อสังคมให้รับทราบ ถึงแม้ฝ่ายกฎหมายของสภาจะให้ความเห็นว่า ควรเริ่มนับหนึ่ง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งนายกฯ คือ เดือนมิถุนายน 2562 ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ซึ่งจะครบ 8 ปีในปี 2570
แต่สุดท้ายประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องไปจบ ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นตัวชี้ขาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไปต่อ หรือพอแค่นี้
ยังเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ที่ต้องติดตามกันอย่างชนิดกระพริบตาไม่ได้ รวมถึงเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งต้อง ลุ้นระทึกว่า “ผู้กองมนัส” จะเอาคืน “บิ๊กตู่” อย่างไร !!!