ประธานสภาอุตสาหกรรม เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น เดือน พ.ค. ลดลง อยู่ที่ 84.3 ปรับตัวจากเดือน เม.ย.ที่ระดับ 86.2 จากวิกฤตสงครามยูเครน และ ราคาน้ำมันพุ่ง
วันที่ 10 มิ.ย.2565 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. 2565 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 86.2 ในเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ภายหลังการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ลดลงทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่นโยบายเปิดประเทศและการยกเลิกระบบ Test & Go ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ
“สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ แต่อาจขยายพื้นที่ไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ในประเทศอิสราเอล ปาเลสไตน์ อิหร่าน หลังรัสเซียได้ประกาศว่าที่ราบสูงโกลันเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งหากความขัดแย้งรุนแรงขึ้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อระดับราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มต่อเนื่อง เดิมมีการคาดการณ์ว่าน้ำมันดิบดูไบจะเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในกรอบ 100-120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันมองกันมาที่ 110-120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และล่าสุดบางแห่งมองกันว่าราคาน้ำมันดิบดูไบอาจแตะ 135 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และจะเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจไทยที่เหลือของปีนี้”นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 96.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 95.9 ในเดือนเมษายน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ การปลดล็อกมาตรการควบคุมโควิด-19 รวมถึงการที่ภาครัฐจะพิจารณาให้โรคโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งผู้ประกอบการมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565
“ปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังนี้ คือ การแพร่ระบาดของโควิดที่คลี่คลายลงส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศกลับมาคึกคักโดยคาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศถึง 6 ล้านคน ”นายเกรียงไกรกล่าว และมองว่าขณะนี้ ผู้ประกอบการมีความต้องการให้ภาครัฐช่วยเจรจาหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ที่มีศักยภาพมาทดแทน โดยเฉพาะ ปุ๋ย อาหารสัตว์ สารเคมี เป็นต้น