“อนุทิน”คุย “สมศักดิ์” ถอดประสบการณ์ปลดล็อก กระท่อม ปรับใช้เดินหน้ากัญชา มั่นใจ ความต้องการตลาดสูง ราคาไม่ตก วางแผน แจก TEST KIT ผู้ประกอบการ เช็คค่า THC ผลิตภัณฑ์ หวั่นสายสันทนาการ พากัญชา กลับสู่ความเคลือบแคลงของสังคม
วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ครั้งที่ 1/2565 ว่า เรื่องของการปลดล็อกกัญชาตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป การใช้ในครัวเรือน คิดว่าทุกคนทราบเงื่อนไขกันแล้ว แต่ส่วนจะนำไปผสมกับอาหาร แล้วมาขาย ตรงนี้ มีข้อห่วงใยว่า จะมีสาร THC เกินค่าที่กำหนดดังนั้นเพื่อความสบายใจของสังคม ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ผลิต TEST KIT ออกมา และจะกระจายให้ผู้ประกอบการได้เช็กตัวเอง ซึ่งทางร้านต้องแจ้งกับลูกค้า ว่าอาหาร เครื่องดื่มนั้น มีส่วนผสมของกัญชา อันนี้ เป็นแนวทาง ก็ต้องไปหารือกับคณะกรรมการที่เพิ่งตั้งขึ้นด้วย ตอนนี้ พ.ร.บ.อยู่ในชั้นการแปรญัตติ แล้ว กฎหมายมี 2 ฉบับ คือ ฉบับของ ภูมิใจไทย (ภท.) กับฉบับของ พลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งกฎมายตรงนี้ ล้อมาจากร่างเดิมของ อย. ซึ่งมีแนวทางควบคุมการใช้ส่วนที่มีดราม่า ออกมาเสพโชว์ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายของเราเน้นไปในทางการแพทย์ และสุขภาพ เราไม่ได้ต้องการให้มึนเมา เพื่อการสันทนาการ ซึ่ง ถ้าทำไปทางนั้น สังคมเกิดความเคลื่อบแคลง มีปัญหากับการทำนโยบายแน่นอน เรื่องนโยบายกัญชง กัญชา เราฟังมาจากหลายภาคส่วน ทั้งคนป่วย ทั้งหมอ กว่าจะมาเป็นนโยบายกันได้ ต้องอาศัยข้อมูล และความพยายาม เพื่อมาเป็นความหวังของประชาชน แต่เรามาถึงจุดนี้แล้ว มีกฎหมายอยู่ในสภาแล้ว การรับหลักการเราได้เสียงท่วมท้น ส่วนข้อห่วงใย เรารับฟังแล้วไปปรับปรุงร่างฯแน่นอนปัจจุบัน เรามีคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อศึกษา เรื่องการใช้ ตอนนี้เป็นเรื่องภายในประเทศ ต้องศึกษาให้ดี การเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าไม่จำเป็น อย่าเพิ่งพกติดตัวไป เพราะการปลดล็อก มันเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ต่างชาติ ไม่ได้เข้าใจเหมือนเรา แต่เมีความสนใจ เพราะมีการติดต่อสอบถาม ถึงแนวทางการพัฒนากัญชาจากประเทศไทย ล่าสุด ไปประชุม WHO ที่เจนีวา มีรัฐมนตรีหลายประเทศมาหารือ และต้องการมาดูงานในประเทศไทยตอนนี้ เรามีระเบียบของกระทรวง สธ. ซึ่ง กรมอนามัยจะทำประกาศขึ้นมา เรื่องการก่อให้เกิดความรำคาญ เพื่อไม่ให้สูบในที่สาธารณะ ไม่ให้สูบแล้วไปขับขี่ยานพาหนะ เรื่องช่อดอก ถ้านำไปใช้ในเชิงพานิชย์ เป็นส่วนผสมของการผลิตสินค้าในทางอุตสาหกรรม ต้องขออนุญาต ขึ้นทะเบียนกับ อย. ไม่ต่างจากขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหาร และขึ้นทะเบียนยา ทาง อย. จะพิจารณา ให้มั่นใจว่า จะไม่เกิดผลเสีย การผลักดันนโยบายเพื่อให้เกิดผลิตภัณ์ที่เป็นประโยชน์ ลดต้นทุนผู้บริโภค เป็นโอกาสสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ใครที่จะใช้ช่องโหว่ ไปทำให้เกิดผลเสีย คิดว่าสังคมตัดสินใจได้
“เมื่อก่อนกัญชาเป็นผู้ร้าย ต้องแอบปลูก แอบใช้ ราคาก็สูง ตอนนี้ ไม่ต้องแอบ อยากจะปลูก ปลูกได้เลย ในครัวเรือน แล้วก็มีวิธีที่ปลูกเชิงพานิชย์ด้วย ได้ปรึกษา ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ท่านบอกว่า ตอนปลดล็อกกระท่อม ปรากฏว่า กระท่อมราคาไม่ตก เพราะคนเห็นประโยชน์ อย่างพี่น้องภาคใต้ ก็นำมาใช้ทางสุขภาพ มีความต้องการใช้มากขึ้น เราก็หวังว่ากัญชา จะเป็นเช่นนั้น”