“ชัชชาติ” ประชุมผู้บริหาร กทม.นัดแรก สั่งทุกสำนัก-ทุกเขต อุดช่องโหว่คอร์รัปชั่น เดินหน้านโยบาย 214 ข้อ สั่งทบทวนโครงการล่าช้า ใช้งบฯไม่คุ้มค่า “มท.1”เปิดประชุมสภา กทม.นัดแรก ขณะที่“วิรัตน์ มีนชัยนันท์”เพื่อไทยนั่งปธ.สภา กทม.
วันที่ 6 มิ.ย. 2565 ที่ห้องประชุม ชั้น 35 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม.(ดินแดง)นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครนัดแรกโดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมืองและผู้บริหารหน่วยงานสำนักต่างๆร่วมประชุม
นายชัชชาติ กล่าวภายหลังว่ามีวาระการประชุม 4 เรื่อง เรื่องแรกโควิดซึ่งจากตัวเลขจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ อัตราการครองเตียงพบว่า สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งคิดว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงได้หารือเรื่องการถอดหน้ากาก แต่ต้องรอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพมหานคร ศบค.กทม. พิจารณาก่อน เสนอไปยังศบค.ใหญ่ เพื่อให้ความเห็นชอบ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องฝีดาษลิงซึ่งเป็นโรคติดต่อ แต่ยังไม่มีตัวเลขผู้ป่วยในเมืองไทย
เรื่องที่2 และ 3 คือเรื่อง งบประมาณและยุทธศาสตร์ตามแผนนโยบาย214ข้อ โดยได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดทำงบประมาณประจำปีงบประมาณ2566ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้าเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร(สภากทม.)พิจาณาให้ความเห็นชอบ ส่วนนโยบาย 214 ข้อ ส่วนใหญ่มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานครที่กำหนดอยู่ในยุทธศาสตร์แต่ละด้าน ซึ่งมีหลายเรื่องทำได้แล้วโดยไม่ใช้งบประมาณดังนั้น จึงจะปรับแนวทางการทำงานให้ชัดเจนขึ้น สำหรับเรื่องที่เป็นโครงการใหญ่ ก็รองบประมาณปี2566
เรื่องที่ 4 การบำบัดน้ำเสีย พบว่ามีหลายชุมชน ปล่อยน้ำเสียลงคลองดังนั้นจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปสำรวจเพื่อจัดทำแผนบำบัดน้ำเสียในชุมชน ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย ให้แล้วเสร็จ ถึง 11 ปี และใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้วที่คลองลาดพร้าว ดังนั้นจึงให้ไปทำแผนให้ชัดเจนที่คลองเปรมประชากรและคลองแสนแสบด้วยว่าจะทำกี่ชุมชนและกี่จุด เพื่อสรุปรายงานอีกครั้ง
นอกจากนี้ มีเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานไปสำรวจ จุดอ่อนและช่องโหว่ ของการทุจริตคอรัปชั่น พร้อมเสนอแนวทางวิธีการป้องกัน ก่อนรวบรวมเพื่อจัดทำเป็นแผนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นภายใน 1 สัปดาห์ ตามนโยบายงบประมาณฐานศูนย์ Zero-Based Budgeting โดยได้เชิญอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาร่วมประชุมด้วย
ขณะเดียวกัน จะทบทวนโครงการขนาดใหญ่ ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก หรือ บางโครงการที่เร่งรัดในการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ผลงานที่ทำได้นั้นกลับไม่มีความคืบหน้า เช่น การปรับปรุงสวนลุมพินี ปรับปรุงภูมิทัศน์สวนคลองช่องนนทรีว่า มีความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งโครงการดังกล่าว แบ่งการก่อสร้างออกเป็นหลายเฟส ดังนั้น เฟสใดที่ดำเนินการไปแล้ว ก็จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จ ส่วนเฟสที่เหลือจะต้องไปทบทวนความคุ้มค่าและความเหมาะสมกับการใช้งบประมาณอีกครั้ง
จากนั้นในเวลา 13.32 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร โดย มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.นายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล ผศ.ทวิดา กมลเวชช และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม.นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม.สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)ที่ได้รับการรับรองจากกกต.จำนวน 45 คน คณะผู้บริหาร ผู้อำนวยการเขต 50 เขตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายชัชชาติ กล่าวต้อนรับรมว.มหาดไทยว่า ตามที่ กกต.ได้จัดให้มีการเลือกตั้งส.ก.จำนวน 50 เขตเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.65 และได้รับรองผลการเลือกตั้งไปแล้ว 45 เขตเลือกตั้ง ส่วนที่เหลืออีก5เขตเลือกตั้งอยู่ระหว่างการตรวจสอบคือเขตพญาไท เขตสายไหม เขตห้วยขวาง เขตดินแดง และ เขตวังทองหลาง แต่เนื่องด้วยตาม มาตรา 30 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนดให้ภายใน15วันนับแต่วันเลือกตั้ง ส.ก.อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปให้รมว.มหาดไทย เรียกประชุมสภากทม.เพื่อให้สมาชิกมาประชุมเป็นครั้งแรกและรมว.มหาดไทยมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยเพื่อเรียกประชุมสภากทม.ครั้งแรก
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ได้กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสภากทม.ขอแสดงความยินดีกับ ส.ก.ที่ได้รับความวางไว้ใจจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่จึงขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาลและคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางและทำหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 จึงขอเปิดประชุมดังกล่าว เพื่อให้สมาชิกได้ดำเนินการจัดประชุมตามระเบียบต่อไป
ต่อมาเลขานุการสภา กทม.ได้เชิญนายไสว โชติกะสุภา ส.ก.เขตราษฎร์บูรณะ ที่มีอายุสูงสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราว กล่าวนำสมาชิกปฏิญาณตน โดยที่ประชุมได้มีเสนอรายชื่อ นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภา กทม.นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ส.ก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภา กทม.คนที่ 1และนายอำนาจ ปานเผือก ส.ก.เขตบางแค พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภา กทม.คนที่ 2 ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่มีการเสนอ
นายวิรัตน์ กล่าวขอบคุณ ส.ก.ที่ให้เกียรติมาทำหน้าที่ประธานสภา กทม. พร้อมสนับสนุน ส.ก.ในการปฏิบัติหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร สภากทม.จะขับเคลื่อนไป พร้อมผู้ว่าฯกทม. และจะตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อนข้าราชการขอให้ตั้งใจในการทำหน้าที่ เพราะประชาชนรอมา8ปีและมีความหวัง
พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมสภา กทม.ว่าบรรยากาศดี เพราะนายชัชชาติทำงานมานาน เลือกมาทำงาน ได้มีการประชุมสภากทม.ตามลำดับซึ่งได้หารือกับผู้ว่าฯกทม.และปลัดถึงการดำเนินการเปิดสภาซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าเปิดสภา กทม.ภายใน15วัน ตนจึงได้มาเปิดให้
“ในวันนี้เป็นการพูดคุยเรื่องกว้างๆของการทำงาน ผู้ว่าฯกทม.บอกว่า มีเจตนาที่จะทำให้พี่น้องประชาชน อย่างเต็มที่ ผมก็ได้เรียนท่านว่า กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นส่วนเกี่ยวข้องก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกอย่างและไม่มีปัญหาในการทำงาน หากต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ผมก็จะสนับสนุนเต็มที่”พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำและยืนยันว่าไม่มีรอยต่อแน่นอน ระหว่างรัฐบาลกับองค์กรปกครองท้องถิ่น