“ศุภชัย” เผย 8 มิ.ย. พ.ร.บ.กัญชา ภูมิใจไทย เข้าสภา ขอประชาชนช่วยหนุน ย้อนอดีต กว่าจะถึงวันนี้ มี “ผู้ใหญ่” ขวาง แรงต้านเพียบ แต่ “อนุทิน” ดันทะลุทุกขีดจำกัด
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊ก Suphachai Jaismut ระบุว่า
8 มิถุนายน 2565
อีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์กัญชา
เริ่มแรกที่พรรคภูมิใจไทยโดย ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคของผม เดินหน้าปลดล็อกกัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์ เรามีการประชุมกับผู้ใหญ่หลายท่าน ซึ่งท่านอนุทิน ร่วมวงประชุมด้วยทุกครั้ง เมื่อ 4 ปีก่อน ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ในที่ประชุมบางคนเบ้ปากใส่เรา บอกให้เรารอ (วันนี้ผู้ใหญ่ท่านนั้น ไม่ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งแล้ว) ท่านอนุทิน ก็จะตอบกลับไปว่า รอไม่ได้ เรามีเวลาแค่ 4 ปี หรือ อาจจะน้อยกว่านั้น พรรคภูมิใจไทยต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จ ไม่งั้นจะเป็นตราบาปของพรรค ที่พูดแล้วทำไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ยืนกราน และไม่ช่วยเหลือเราเลย เราเข้าใจ ว่าท่านเอง มีมุมมองต่อกัญชาเป็นอย่างไร ท่านไม่เคยเห็นที่สิ่งที่เราได้เห็น ท่านไม่เคยเห็นคนป่วย ที่ยิ้มได้ เพราะใช้น้ำมันกัญชา แต่เราเคยเห็น และเรารู้ว่า กัญชา คือ ความหวังของผู้ป่วยอย่างแท้จริง ท่านก็เหมือนสังคมไทย ที่ ณ ตอนนั้น มีหลายกลุ่ม หลายพวก ออกมาต่อต้านเรา เราเข้าใจต้องขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคนอื่นๆ ที่ยังไม่ตัดตอนบอนไซเรา กลับกัน ยังให้กำลังใจเรา ขอให้เราทำสำเร็จ แต่ในทางการเมือง ขนาดพวกเดียวกัน เสียงค้านก็ยังดังเหลือเกิน สังคมไทยจำนวนมาก ยังมีอคติกับกัญชา แต่เราไม่อาจใช้กำลังอำนาจไปบังคับใจคนได้ มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติเท่านั้น และมีเพียงท่านอนุทิน ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ที่พอจะทำได้ เช่นนี้แล้ว เราจึงค่อยๆ นำกัญชามาคลายล็อก เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยอย่างถูกกฎหมาย วันแรกที่เราเปิดคลินิกกัญชาที่กระทรวงสาธารณสุข มีผู้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน นั่งรถเข็น ตัวชักเกร็ง แต่เมื่อได้รักษาด้วยยากัญชา กลับสามารถลุกเดินได้ราวปาฏิหาริย์ ครอบครัวผู้ป่วยทรุดลงกับพื้น กอดหมอ พยาบาล ด้วยความดีใจ ผมจำภาพนั้นได้ไม่ลืม จากนั้น มีข้อมูลมากมาย เพื่อสะท้อนคุณค่าของกัญชาในเชิงการแพทย์ นำมาซึ่งการคลายล็อก เพื่อใช้ในการรักษาคน
ผู้ใหญ่ที่เคยค้านเราหัวชนฝา ท่าทีท่านเปลี่ยนไป เมื่อพ้น 2 ปีแห่งการเดินหน้านโยบาย ท่านผ่อนคลายขึ้นมาก ก็เหมือนกับสังคมไทย ที่มองกัญชาดีขึ้นตามลำดับ เราเดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เต็มไปด้วยความเป็นรูปธรรม 15 ธันวาคม 2563 คือจุดตัดที่สำคัญของนโยบายนี้ เมื่อเราออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเป็นยาเสพติดในกัญชา เหลือเพียงส่วนของช่อดอก เมล็ดกัญชา เท่ากับว่า ใบ และส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือจากในส่วนที่จำกัดการใช้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แล้ว ร้านค้ามากมาย เริ่มนำวัตถุดิบจากกัญชา มาช่วยปรุงรส เพิ่มยอดขาย นี่คือจุดเริ่มต้นของการใช้กัญชา เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง
9 ธันวาคม 2565 ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ อย่างสมบูรณ์ เป็นกฎหมายแม่ เพื่อยืนยันว่า กัญชา ได้หลุดออกจากความเป็นยาเสพติดแล้ว แต่ต้องรอประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ จากนั้น จึงมีประกาศของฯ กระทรวงตามมา เพื่อถอดชื่อกัญชา พ้นจากความเป็นยาเสพติด(ยส.5)
25 มกราคม 2565 บอร์ด ปปส.ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข(ยส.5) เพื่อขยายขอบเขตการคลายล็อก เหลือสิ่งที่ต้องควบคุมคือ “สารสกัด THC เกิน 0.2% ของน้ำหนัก” เท่านั้น หมายความว่า ช่อดอก ที่เคยผิดกฎหมาย ก็กลับมาถูกกฎหมาย กฎหมายฉบับนี้ จะบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 อย่างไรตาม กระบวนการดังกล่าว ถือได้ว่า อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการปลดล็อกกัญชา เนื่องจากหากปล่อยให้ใช้ตามอำเภอใจ ไร้กฎหมายควบคุม อาจจะส่งผลเสียตามมา ไปจนถึงขัดกับหลักกฎหมายนานาชาติ จึงจำเป็นต้องมีพระราชบัญญัติกัญชา เข้ามาคุมอีกชั้นหนึ่ง
8 มิถุนายน 2565 พรรคภูมิใจไทย จะบรรจุร่างพระราชบัญญัติกัญชา และกัญชง เข้าสภา เป็นบันไดขั้นสุดท้ายของการปลดล็อกกัญชา สู่การเป็นพืชสมุนไพร และพืชเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ นี่คือกฎหมาย ที่จะดูแลการใช้กัญชาของประชาชน เพื่อไม่ให้ขัดกับความคิด ความเชื่อของสังคมไทย ให้สอดคล้องกับกฎหมายนานาชาติ และให้กัญชา กลายเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วย และแก้ปัญหาปากท้องอย่างแท้จริง ใครไคร่ปลูก เพื่อรักษาตนเอง หรือเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจครัวเรือน ท่านต้องได้ปลูก ขอให้ประชาชนร่วมเป็นพลัง และกำลังใจ ให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ผ่านการพิจารณาของสภา และขอบคุณทุกแรงสนับสนุนของทุกท่าน ที่ทำให้พรรคภูมิใจไทย ผลักดันนโยบายกัญชา มาถึงจุดนี้
#สนับสนุนพรบกัญชาพรรคภูมิใจไทย
https://www.facebook.com/suphachai.jaismut/posts/pfbid08PHDQDFzuy7F8LVGWzkkPZrbKSUpAD8ursVyWjSCLjkx7aEVxuHXv1RscXNh7Fgjl