“ชวน” ตรวจความพร้อมห้องประชุมสภา ก่อนเริ่มนัดแรก 25 พ.ค. รับอาจต้องเพิ่มวันประชุม เร่งรัดกฎหมายที่คั่งค้าง หวัง”ชัชชาติ” ทำให้ กทม.ดีขึ้น เตือน ปชป.ต้องแก้ไข หลัง ได้ สก.น้อยเกินคาด
วันที่ 23 พ.ค.2565 เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร, นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภา และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจความพร้อมของห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยสภาผู้แทนราษฎรจะประชุมนัดแรกในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ รวมถึงวันที่ 26-27 พฤษภาคมด้วย จากนั้นจะบรรจุระเบียบวาระการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 66 เบื้องต้นกำหนดไว้ 3 วัน คือวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน จากนั้นจะประชุมตามปกติทุกสัปดาห์ ซึ่งบางสัปดาห์อาจเพิ่มการประชุมวันศุกร์เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ การประชุมจะเป็นไปตามความเหมะสม ซึ่งบางสัปดาห์อาจขอขยายเวลาในการประชุมวันพุธและวันพฤหัสบดี ส่วนญัตติเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ตนจะหารือประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภาว่าควรเป็นช่วงเวลาใด เพราะมีกฎหมายต้องพิจารณาร่วม คือร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ที่น่าจะใช้เวลาพิจารณานาน
เมื่อถามว่าการบรรจุระเบียบวาระญัตติร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ จะเป็นเมื่อไร นายชวนกล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดวันพิจารณา โดยทางสภาจะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งวันที่ 24 พฤษภาคม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะนำร่างที่พิจารณาเสร็จแล้วเสนอเข้ามา
“ยังมีญัตติที่ค้างการพิจารณาเป็นร้อยญัตติ เราเคยพิจารณาไว้ว่าวันศุกร์ใดวันศุกร์หนึ่งจะพิจารณาญัตติที่ค้างเหล่านี้ คงผ่านไปได้ แต่ใช้เวลาพอสมควร ผมได้ปรารภผู้นำฝ่ายค้านและสมาชิกทุกฝ่ายให้ใช้เวลาสมัยประชุมที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นปีสุดท้าย หากไม่มีเหตุอะไรก็จะครบ 4 ปีของสภาชุดนี้ ซึ่งงานของสภาหากเทียบกับสมัยก่อน กฎหมายของฝ่ายบริหารเดินไปได้ไม่มีค้าง ประสิทธิภาพการทำงานถือว่าดี ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกอย่างดี” ประธานสภากล่าว
นอกจากนี้ นายชวนยังแสดงความยินดีกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ส่วนตัวแม้ว่าจะไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ก็ถือว่าเรื่องการกระจายอำนาจ เป็นนโยบายที่ตนเคยทำเอาไว้ เมื่อปี2542 พร้อมย้ำว่า คุณภาพของการกระจายอำนาจ ต้องมาพร้อมกับ ความซื่อสัตย์ สุจริต ความชอบธรรมถูกต้อง ซึ่งกรุงเทพมหานคร และ เมืองพัทยา มีประสบการณ์ในการกระจายอำนาจพอสมควร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลจากการเลือกตั้ง ทำให้คนกรุงเทพฯมีความหวังและเกิดการเปลี่ยนแปลงให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และของเอาใจช่วยกับผู้ทำงานทุกคน
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ในอดีตเคยได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาโดยตลอด แต่ภายใต้ระบบเลือกตั้งก็มีโอกาส เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ค่านิยมของการเปลี่ยนแปลง ต้องไม่ไปเปลี่ยนแปลงความซื่อสัตย์สุจริต ขอให้การกระจายอำนาจเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนผลการเลือกตั้งที่ออก ยอมรับว่าผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนน้อยมาก หากเทียบกับในอดีต ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ที่กรรมการบริหารพรรคจะต้องพิจารณาและชี้แจงว่าจะต้องดำเนินการแก้ไขอย่างไรต่อไป