“นิพนธ์” ชู อุดมการณ์ “ปชป.” ยึดมั่น ประชาธิปไตยฯ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมให้ ปชช.มีที่อยู่ ที่ทำกิน เปรียบ ปชป.เหมือน “เรือวิ่ง” ในมหาสมุทรเป็นธรรมดาที่ต้องเจอ “คลื่นลม” แต่จะผ่านไปได้
วันที่ 15 พ.ค.65 ที่ โรงแรมบุรีศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมการสัมมนาประชาธิปัตย์ ภาคใต้ ภายใต้หัวข้อการสัมมนา “อุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไว ทำได้จริง” โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หน.พรรคประชาธิปัตย์ กรรมการบริหาร ฯ ส.ส.ภาคใต้ หน.สาขา ตัวแทนพรรคภาคใต้ เข้าร่วม ระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม 2565นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวบนเวทีก่อนการปิดการสัมมนาตอนหนึ่งว่า “พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในอุดมการณ์หลักทั้ง 10 ข้อมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคกว่า 76 ปี ทั้งการดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฏหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ เป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้ยึดในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นส่งเสริมให้คนไทยมีที่ทำกิน ที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ เพื่อรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เหล่านี้เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ล้วนดำเนินนโยบายต่างๆให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ดังกล่าวมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างเข้มแข็งตั้งแต่รากฐานไปจนถึงระดับประเทศ และเวทีโลกโดยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมเช่น นโยบายการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค โดยการกระจายโอกาส กระจายรายได้ กระจายอำนาจ เช่นโครงการสร้างความเจริญเติบโตให้ภาคใต้อย่างการพัฒนาถนน 4 ช่องจราจร โครงการนมโรงเรียนให้เด็กนักเรียนมีพลามัยที่แข็งแรงทางร่างกายที่โครงการไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ดำเนินมาต่อเนื่อง โครงการเบี้ยผู้สูงอายุ โครงการหลักประกันสุขภาพครอบครัวที่เป็นต้นแบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า แม้กระทั้งกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น สิ่งนี้ต้องย้ำชาวประชาธิปัตย์ให้ตระหนักและสื่อสารออกไปให้รับรู้ในวงกว้าง การซึมซับแต่ข่าวแง่ลบที่ให้ร้ายต่อพรรคปชป.มีแต่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดูด้อยค่าลงไป
แต่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาพรรคปชป.ได้เริ่มต้นและสร้างสิ่งดีๆที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติมาโดยตลอด อย่างในปัจจุบันโครงการประกันรายได้ที่วันนี้พี่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่าหลายล้านครัวเรือน จึงขอเตือนสติไปยังคนที่คิดว่าพรรคปชป.มีแต่ข่าวแง่ลบว่า ให้เปรียบพรรคประชาธิปัตย์เหมือนดังล่องเรือไปในมหาสมุทร เป็นธรรมดาที่ต้องเผชิญมรสุมคลื่นพายุลมแรง
สิ่งสำคัญคือเราต้องช่วยกันทำงานอย่างมั่นคง หนักแน่นตามหน้าที่บทบาทความรับผิดชอบของแต่คน เพื่อฟันฝ่าคลื่นลมไปให้ได้ ในอดีตบางคนคิดว่าเมื่อเรือประชาธิปัตย์เจอมรสุมคลื่นลมแล้วกระโดดออกจากเรือว่ายน้ำหนีนั้น ขอบอกว่าล้วนแต่ไปไม่รอด ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำในคลื่นมหาสมุทรที่มีอันตรายอยู่ตลอดเวลาไปถึงฝั่งได้สักคน พร้อมทั้งให้เชื่อมั่นกัปตันเรือที่ชื่อหน.จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ว่าจะพาเรือประชาธิปัตย์นี้ไปสู่ฝั่งฝัน สู่เป้าหมายเพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนและความเจริญของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาธิปัตย์จะยืนหยัดต่อไปได้อย่างแน่นอน.