ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนโยบายดูแลมุสลิมกรุงเทพฯ ยกระดับศูนย์เด็กเล็ก บรรจาครูพี่เลี้ยง จัดงบมัสยิด 184 แห่งดูแลเยาวชนปีละ 40 ล้านล้าน หนุนเรียนอาหรับภาษาที่ 3 และคาด ตั้งฮูวัยดียะห์ พิศสุวรรณ น้องสาวดร.สุรินทร์ นั้งรองผู้ว่ากทม.เพื่อหวังดึงคะแนนเสียงมุสลิมกทม.
วันที่ 14 พฤษภาคม ที่โรงแรมนูโว บางลำพู นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่ากทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้พบปะกับพี่น้องมุสลิมกรุงเทพมหานคร ประมาณ 200 คน โดยกล่าวว่า ได้ตัดสินใจลาออกจากอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อมาทำงานให้คนกรุงเทพฯ เพราะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
‘เทคโนฯพระจอมเกล้าลาดกระบัง เป็นสถาบันที่มีมุสลิมศึกษามาก เพราะเป็นสถาบันอยู่ใกล้ชุมชนมุสลิม ผมเป็นคนแรกที่ให้ทุนสายใจไทยสู้ใจใต้ ให้น้องๆจาก3จังหวัดชายแดนใต้ ได้เข้ามาเรียนที่ลาดกระบัง โดยไม่ต้องสอบเข้า ได้รับทุนเรียนฟรี ได้รับการดูแลเต็มที่ เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจในชีวิตความเป็นครูของผม เมื่อเป็นอธิการบดี ผมได้ร่วมกับหลายฝ่ายตั้งศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาขึ้นมา หลังลงสมัครผมเดินหาเสียง 50 เขต ได้สัมผัสมัสยิดเกือบทุกแห่ง สัมผัสชุมชนมุสลิม ผมตั้งใจว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯจะดูแลสังคมมุสลิมอย่างเต็มที่ เพราะผูกพันกับสังคมมุสลิมมาตลอดชีวิตการทำงาน ไม่ได้พูดเพื่อหาเสียง แต่อยากให้ย้อนไปดูประวัติว่า ได้ทำอะไรบ้าง’
นายสุชชวีร์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อเรื่องการศึกษา หากได้เป็นผู้ว่าฯจะเข้ามาดูแลสังคมมุสลิมดูแลลูกหลานให้ได้เรียนหนังสือ โดยมีนโยบายว่า โรงเรียนของกทม.ซึ่งมีจำนวนมาก ได้รับการเอื้อเฟื้อจากมัสยิด หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ดูแลลูกหลานอายุ 2-4 ขวบ ตอนนี้ได้รับงบคนละ 20 บาท/วัน ซึ่งไม่เพียงพอ เด็กไม่ได้กินอะไร ตนจะเข้ายกระดับศูนย์เด็กเล็ก ปรับเงินดูแลอีกเท่าตัว และครูพี่เลี้ยงที่ผ่านมาถ้าไม่ได้มัสยิดก็ไปไม่รอด เพราะเป็นอาสาสมัคร ไม่มีเงินเดือน ตนจะบรรจุให้มีรายได้ที่มั่นคง
‘ลูกๆท่านจะต้องได้รับวิชาการที่ดีที่สุด ตอนนี้หลายประเทศในตะวันออกกลาง อย่างซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ พัฒนาเรื่องการศึกษามาก ซื้อตัวบรรดาอาจารย์เก่งๆระดับโลกไปสอน ผมจะพัฒนาโรงเรียนกทม.ให้มีวิชาการที่โดดเด่น หลักสูตรต้องดีมากๆไม่แพ้ประเทศที่ดีๆ ให้เรียนเต็มที่ 4 วัน อีก 1 วันวันศุกร์ มุสลิมก็ให้เรียนศาสนา ให้เรียนภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ 3 รองจากอังกฤษและภาษาไทย ซึ่งใครที่มีความรู้ภาษาอาหรับตอนนี้มีโอกาสมหาศาล จะผลักดันให้เกิดขึ้น’ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีลาดกระบังกล่าว
เขา กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีมุสลิมหลายแสนคนมีมัสยิดที่จดทะเบียน 184 แห่ง ที่จดทะเบีย แต่ไม่มีศูนย์กลาง หากได้เป็นผู้ว่าฯ ตนจะจัดงบประมาณให้มัสยิดแห่งปละ 200,000 บาท/ปี ปีละ 40 ล้านบาทซึ่งน้อยมากๆ ให้ไปส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน แต่หากพวกเราเสียงแตก ผมก็ไม่ได้ทำงาน อยากได้คะแนนของพวกท่าน เพื่อเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำงานให้กับสังคมมุสลิม,ผู้สมัครผู้ว่ากทม.จากประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า สังคมกรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุมาก ต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ซึ่งต้องเดินทางไกล ก็จะยกระดับศูนย์สุขภาพ 69 แห่งเป็นโรงพยาบาล รวมเป็น 80 แห่ง จัดแพทย์และเครื่องมือแพทย์ให้ทันสมัย รองรับการรักษา ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า จะมีการแต่งตั้งรองผู้ว่ากทม. ที่เป็นมุสลิมหรือไม่ นายสุชัชวีรื กล่าวว่า มีแน่นอน ซึ่งได้มีตัวบุคคลแล้ว
ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯแลบะตำแหน่งทางการเมืองของกทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้อิสระแก่ผู้สมัครในการจัดสรรคนทำงาน และคาดว่า นายสุชัชวีร์ จะมอบหมายให้นางฮูวัยดียะห์ พิศสุวรรณ น้องสาวของดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เป็น 1 ในรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
‘ดร.สุรินทร์ ก่อนเสียชีวิต ได้ประกาศลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. และได้ทาบทามดร.เอ้ สุชัชวีร์ มาเป็นรองผู้ว่าด้านโยธา เมื่อดร.สุรินทร์ เสียชีวิต ดร.เอ้ เป็นตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครเป็นผู้ว่ากทม. จึงจะตั้งคุณฮูวัยดียะห์ น้องสาวดร.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถเป็นรองผู้ว่าฯ’ แหล่งข่าวในพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผย
สำหรับนางฮูวัยดียะห์ เป็น 1 เดียวในบรรดาพี่น้องของดร.สุรินทร์ ที่ก้าวสู่เส้นทางการเมือง เคยเป็นส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขานุการรวม.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตคลองสามวา
เป็นที่น่าสังเกตว่า นางฮูวัยดีนะห์ ได้บินจากปากีสถานมาช่วย นายสุชัชวีร์ ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ได้มีการจัดทำเอกสารแนะนำตัวอย่างดี จึงค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นคนหนึ่งที่ถูกวางตัวในตำแหน่งในกรุงเทพมหานคร