“สนธิรัตน์” เปิดข้อมูล กำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ เตือนภาครัฐ ต้องบริหารจัดการให้ดี

“สนธิรัตน์” หวั่น ไม่ใช่แค่ข้าวของแพง แต่ค่าไฟ ก็จะแพงขึ้นด้วย พร้อมเปิดข้อมูล กำลังผลิต ชี้ ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ของไทย หายไปเฉลี่ย 300-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เตือนรัฐ ต้องบริหารการนำเข้า LNG ไม่ใช่แค่ บอกปชช. ให้ช่วยกันประหยัดไฟ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่ใช่แค่ข้าวของราคาแพงอย่างเดียว ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้นด้วย วันนี้ใครเดินซื้อของที่ตลาด คงพูดมาคล้ายๆ กันว่า ของแพงขึ้น เกือบทุกอย่างปรับราคาขึ้น ทั้งผักสด ของสด ของแห้ง ไม่รวมอาหารทั้งแกงถุงทำสำเร็จ ร้านตามสั่ง หรือ ร้านอาหารต่างๆ ก็ปรับขึ้นทั้งนั้น

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคือ ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นขึ้น ผลคือ ประชาชนอย่างเราต้องจ่ายค่าไฟที่มากขึ้นกว่าเดิม ที่ค่าไฟจะแพงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มีข้อมูลว่าปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าในบ้านเราใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าประมาณ 60% ซึ่งก็มีมาจากแหล่งในประเทศ การนำเข้า และ LNG

แต่ตอนนี้การผลิตก๊าซของไทยเราอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิต ทำให้ปริมาณที่ผลิตได้เองในวันนี้ลดลงไปจากเดิม ทำให้การผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันพึ่งพา LNG เป็นหลัก ต้องเพิ่มในสัดส่วนที่สูงขึ้น อีกทั้ง LNG ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า มีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องบริหาร โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่ต้องซื้อเข้ามา เรื่องปริมาณที่ผลิตได้เองจากแหล่งเอราวัณนี่เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันอย่างจริงจัง เพราะการลดลงของปริมาณเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น

เรื่องมันมีอยู่ว่า ตามสัญญาการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติ ตามสัญญาแล้วแหล่งเอราวัณมีปริมาณการผลิตตามสัญญาคือ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ด้วยประเด็นเรื่องการเข้าพื้นที่ล่าช้า เพื่อรับช่วงต่อการผลิตของผู้ผลิตเก่ากับผู้ผลิตใหม่ (ล่าช้ากว่าแผนงานประมาณ 2 ปี) ทำให้ปริมาณก๊าซ ที่คาดว่าจะส่งได้ลดลงเรื่อย ๆ เพราะ แหล่งก๊าซ ถ้าไม่มีการเจาะหลุมพัฒนาหลุมผลิตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การผลิตลดลงไปตามลำดับ วันนี้ปริมาณการผลิตเท่าที่ได้รับทราบจากข่าวมาก็ได้ 250-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงแรก

เมื่อสมัยที่ตนยังรับผิดชอบบริหารเรื่องนี้ ได้เจรจากับผู้เกี่ยวข้องจนใกล้สำเร็จ ที่จะทำให้การส่งมอบพื้นที่สัมปทานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่น่าเสียดายที่เมื่อตนออกมาเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่วางไว้ เท่ากับว่าก๊าซที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าหายไปเฉลี่ย 300-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เทียบเป็น LNG ก็ประมาณ 2-3 ล้านตันต่อปี ซึ่งก็ต้องนำเข้ามา และด้วยราคาปัจจุบันเป็นราคาที่ต้องซื้อค่อนของสูง ดังนั้น การต้องพึ่งพาการนำเข้า LNG นี้เองอาจมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่าย ซึ่งอาจจะแพงขึ้น การบริหารจัดการการนำเข้า เป็นเรื่องที่ต้องคิด ไม่ใช่แค่การบอกให้ประชาชนช่วยกันประหยัดไฟ