“บิ๊กตู่” สั่งเบรค! พิธีลงนามก่อสร้าง ท่อส่งน้ำดิบEEC หลัง”พท-สส.กลุ่ม16″ต้าน

ประมูลท่อส่งน้ำดิบ อีอีซีสะดุดตอ นายกฯสั่ง เบรก การลงนาม ระหว่าง ธนารักษ์ กับ บ.วงศ์สยามก่อสร้าง ที่กำหนดไว้ในวันที่ 3 พ.ค.ออกไปก่อน พร้อมสั่งตั้ง กก.สอบไล่เบี้ย ผวาฝ่ายค้านจับโครงการขึงพืดอีก!

โครงการประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าลงทุนบริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ที่ กรมธนารักษ์ดำเนินการเปิดประมูลไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 64 ที่ผ่านมา มีอันจะต้องสะดุดตอลงเสียแล้ว หลังนายกฯสั่งชะลอการเซ็นสัญญา ระหว่าง กรมธนารักษ์ กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่ชนะการประมูล โดยให้ดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนที่ผ่านมาอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากมี กลุ่มการเมือง จากพรรคเพื่อไทย และ กลุ่ม 16 ส.ส.ตั้งป้อมคัดค้าน

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน ถึงกรณีกรมธนารักษ์มีการเซ็นสัญญาสัมปทาน 30 ปี กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ดำเนินกิจการ ท่อน้ำอีอีซี มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการให้กระทรวงการคลังตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเร็วในทุกขั้นตอน

ส่วนเรื่องดังกล่าวเกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องดังกล่าวนี้ด้วยนั้น นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทราบดีอยู่แล้ว กำลังหาข้อเท็จจริงว่าใครได้ใครเสียด้วยความเป็นธรรม

ส่วนกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังขอเลื่อนลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับบริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด ออกไปก่อน โดยยังไม่ได้กำหนดวันและเวลานั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ในขณะที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศยื่น ป.ป.ช.สอบการทุจริตประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี โดยขู่เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นายอาคม พิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีธนารักษ์ และจะนำประเด็นฉาวในเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ การประมูลโครงการดังกล่าว บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะประมูล ด้วยเหตุเสนอผลตอบแทนแก่รัฐสูงสุดกว่า 24,693 ล้านบาท ขณะที่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ผู้รับสัมปทานเดิม เสนอราคา 24,212 ล้านบาทเศษ.