นายกฯ ยัน ไทยแก้ของแพงดีกว่าประเทศอื่น ขอการเมืองเบาๆหวั่นกระทบเชื่อมั่น

นายกรัฐมนตรี ยัน แก้ของแพง ทำได้ดีกว่าหลายประเทศ โทษโควิด19เป็นเหตุทำให้แผนงานเดิมมีปัญหา ลั่นถ้ามีโอกาสได้อยู่ต่อ จะปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ วอนการเมืองเบาๆลงบ้าง หวั่นกระทบความเชื่อมั่น

วันที่ 29 เม.ย. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง แนวทางการดูแลปัญหาราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า จะหามาตรการที่เหมาะสมที่จะช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาต้นสูงจนเกินไป แต่ต้องยอมรับว่า ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การช่วยเหลือต้องดูงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดว่า สามารถช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้หยุดนิ่ง ซึ่งปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง ราคาพลังงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและเสนอมาให้พิจารณา โดยตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่า ให้บรรเทาความเดือดร้อนให้มากที่สุด แต่จะให้ช่วยเหลือแบบ 100% คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็ทราบดี หลายคน ก็นำมาพูดคุยหรือออกสื่อว่า รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ขอให้ไปดูประเทศอื่น แก้ปัญหาจะน้อยกว่าไทยด้วยซ้ำ เราแก้ได้มากกว่า แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตนเองก็ยังไม่พอใจ และติดปัญหาตรงที่รัฐบาลมีงบประมาณที่จำกัด ทำอะไรก็ต้องมีหลักการและต้องไม่สร้างภาระไว้ในวันข้างหน้า

“สิ่งที่นายกฯกำลังคิดต่อไปคือ นโยบายของรัฐบาลในวันข้างหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง จากสถานการณ์ในวันนี้ถือเป็นบทเรียนได้ทราบว่าโลกเปลี่ยนไปแล้วทุกอย่าง จึงเป็นแนวทางที่รัฐบาลและตัวนายกฯต้องเตรียมการไว้ว่าจะดำเนินนโยบายของเราอย่างไรต่อไป ถ้ายังมีโอกาสได้อยู่และได้ทำ ก็เอาปัญหาทุกปัญหามาประมวล ซึ่งเป็นปัญหาของโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของความเหลื่อมล้ำ รายได้ อาชีพ วันนี้เมื่อโควิดเข้ามาทำให้แผนงานเดิมมีปัญหา จึงต้องแก้ทุกอย่าง ซึ่งการทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ใช้งบประมาณสูงมาก ทั้งเรื่องสุขภาพ รายได้ ราคา ส่วนหนึ่งที่จะช่วยรัฐบาลได้มากที่สุด ก็ขอผู้ประกอบการทั้งหลายช่วยกันดูว่าการขึ้นราคาสินค้าบางอย่างเหมาะสมหรือไม่ แม้จะมีมาตรการของกระทรวงพาณิชย์บังคับอยู่แล้วก็ตาม อย่าลืมว่าการขึ้นราคาสินค้าต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ของเงินเฟ้อ รวมทั้งต้นทุนการผลิต ไม่ใช่ยังจะคงกำไรจำนวนมากเหมือนเดิม มันคงไม่ได้ วันนี้ต้องช่วยชาติและประชาชน รวมทั้งรัฐบาลกันบ้าง เพราะอย่าลืมว่ารายได้ของรัฐบาลก็มาจากผู้ประกอบการนักธุรกิจ หากรายได้ไม่ดี รายได้ของรัฐบาลก็ลดด้วย เพราะภาษีต้องลดลงทั้งหมด แล้วจะเอาเงินจากที่ไหน ทั้งๆ ที่เรามีการเตรียมการไว้หมดแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องของโควิดน่าจะดีกว่านี้” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าไปดูแลเรื่องของราคา เรื่องต้นทุนการผลิต และหารือกับสมาคมผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งกระทรวงที่รับผิดชอบต้องหาแนวทางแก้ปัญหาก่อน แต่หากเกินกำลังก็เสนอมาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งในวันหน้าต้องมีการปรับอีกหลายๆ อย่างเพื่อไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

“เมื่อโลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับ นโยบายรัฐบาล นโยบายด้านการเมืองก็ต้องเปลี่ยนหมด เพราะถ้าอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ หลายๆ อย่างที่กำลังจะโต มันก็จะล้ม จะพังลงมา บางทีด้วยความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ก็อยากขอร้องการเมืองเบาๆ ลงบ้างก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นก็ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะการแก้ปัญหาต้องเกิดจากความร่วมมือ ถ้าขัดแย้งตั้งแต่ต้น คุยไม่รู้เรื่อง ไปกันไม่ได้และแก้ไม่ได้ แล้วใครได้รับผลกระทบ รัฐบาลแน่นอนอยู่แล้ว แต่คนได้รับผลกระทบคือ ประชาชน” นายกฯ กล่าว