ตร.ภูธรภาค1 นำคณะแถลงสรุป สำนวน”คดีแตงโม” หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชระวีระพงษ์ พลัดตก “เรือสปีดโบ๊ท” เสียชีวิต กลางลำน้ำเจ้าพระยา ยืนยัน เวลาตกเรือ เกิดขึ้น 22.34.10 น. ของวันที่ 24 ก.พ.2565
วันที่ 26 เม.ย. 2565 เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวในการแถลงข่าวสรุปสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ว่า ทีมสืบสวนได้แสวงหาพยานหลักฐานเพื่อส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวน สำหรับใช้พิสูจน์ทราบการกระทำผิดของคนบนเรือ ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด ความเร็วเรือ ระบบจีพีเอสระบุเส้นทางการเดินเรือ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสรุปออกมาเป็นคลิปวีดีโอที่สามารถเปิดเผยแก่สื่อสวลชน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1.พฤติการณ์ของเหตุ 2.ลำดับเวลา หรือไทม์ไลน์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ 3.หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และ 4.สภาพบาดแผลที่เกิดขึ้น
จากนั้นได้มีการเปิดคลิปวีดีโอ ซึ่งในคลิปเริ่มบรรยายจากส่วนของพฤติการณ์ของเหตุ ระบุว่า ในวันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 22.30 น. เกิดเหตุ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ตกจากเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใกล้เคียงกับท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ต่อมาในเวลา 23.00 น. ตำรวจได้ไปถึงที่เกิดเหตุ ได้ทราบว่า น.ส.ภัทรธิดา ตกเรือ แต่ยังหาไม่พบ และยังไม่มีคนอื่นบนเรือมาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวน จากนั้นในวันที่ 25 ก.พ. 2565 ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พบเรือลำที่เกิดเหตุ จอดอยู่ในอู่เรือเอ็นบีซีโบ๊ทคลับ เป็นเรื่องสปีดโบ๊ทยี่ห้อโคบอลต์เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเรือลำที่เกิดเหตุ พบข้อพิรุธคือมีแก้วไวน์วางบนเรือเพียงใบเดียว ทั้งที่มีคนอยู่บนเรือถึง 6 คน ต่อมาตำรวจได้สืบทราบจนพบว่า อีก 5 คนที่อยู่บนเรือ ประกอบด้วย นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ , นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต , นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน หรือแซนดี้ , นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ และ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสวัสดิ์ หรือกระติก ระหว่างนั้นมีที่ปรึกษาของทั้ง 5 คน แจ้งว่าจะพาทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวนในเวลา 15.00 น.
แต่เมื่อถึงเวลาจริงก็ไม่ได้มาพบ แม้พนักงานสอบสวนจะพยายามเร่งรัดติดตาม กระทั่งเวลา 18.00 น. นายตนุภัทร แจ้งว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวน และเวลา 20.00 น. ทั้ง 5 คนจึงข้าพบพนักงานสอบสวน ต่อมาในวันที่ 26 ก.พ. 2565 เวลา 13.00 น. มีรายงานจากกู้ภัย ว่าพบศพของ น.ส.ภัทรธิดา บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 235 เมตร และพบบาดแผลที่ชี้ให้เห็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ เบื่อประกอบกับการที่คนอื่นๆ บนเรือไม่มาแสดงตัวตั้งแต่แรก และพยานหลักฐานที่มีเงื่อนงำ จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวนโดยระเอียด
ในส่วนของลำดับเหตุการณ์ หรือไทม์ไลน์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. นายตนุภัทร ได้ส่งข้อความไปหา น.ส.อิจศรินทร์ จากนั้นเวลา 19.00 น. น.ส.อิจศรินทร์ ได้ส่งข้อความไปหา น.ส.ภัทรธิดา บอกว่า นายตนุภัทร ช่วนไปนั่งเรือจิบไวน์ ซึ่ง น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม ก็ตอบว่าจะไปด้วย อนึ่ง ตอนแรก น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก บอกกับ นายตนุภัทร หรือปอ ว่าจะมีคนอื่นไปอีก 2 คน แต่เมื่อถึงวันที่ 24 ก.พ. 2565 ที่เป็นวันเกิดเหตุ คนอื่นทั้ง 2 ที่ว่านั้นก็ไม่ได้มาตามที่นัดไว้
ในวันที่ 23 ก.พ. 2565 น.ส.อิจศรินทร์ ได้ส่งข้อความไปหา นายวิศาพัช หรือแซน หรือแซนดี้ เพื่อชวนมาขึ้นเรือ และนายวิศาพัชก็ตอบรับว่าจะไปด้วย จากนั้นในวันเดียวกัน น.ส.อิจศรินทร์ ก็ได้ส่งข้อความไปบอก นายตนุภัทร ว่าจะมี นายวิศาพัช ไปด้วยอีกคนหนึ่ง และ นายตนุภัทร ได้ตอบกลับโดยส่งพิกัดอู่เรือเอ็นบีซีโบ๊ทคลับ พร้อมวันเวลานัดหมายขึ้นเรือ สุดท้ายในวันดังกล่าว น.ส.อิจศรินทร์ ได้ส่งข้อความไปบอก น.ส.ภัทรธิดา เรื่องการขึ้นเรือ และมีการพูดคุยเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไป
วันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 14.00 น. น.ส.อิจศรินทร์ หริอกระติก ส่งข้อความหา แตงโม บอกให้ออกจากบ้านก่อนเวลา 15.30 น. และกระติกไปถึงบ้าน น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม ในเวลา 14.26 น. อีกด้านหนึ่ง เวลา 15.04 น. นายตนุภัทร หรือปอ เดินทางไปถึงอู่เรือเอ็นบีซีโบ๊ทคลับ ส่วนที่บ้านของแตงโม กระติกและแตงโมออกจากบ้านในเวลา 15.52 น. โดยใช้รถของแตงโมเดินทางไปที่อู่เรือ และในเวลา 15.55 น. นายนิทัศน์ หรือจ๊อบ เดินทางถึงอู่เรือ ตามด้วยนายไพบูลย์ หรือโรเบิร์ต ในเวลา 15.57 น. ส่วนแตงโมและกระติก มาถึงอู่เรือในเวลา 16.45 น.
ดังนั้นเบื้องต้นที่อู่เรือ จึงมีสมาชิกที่นัดหมายกันไว้เดินทางมา 5 คน ขาดเพียง นายวิศาพัช หรือแซน หรือแซนดี้ เพียงคนเดียว กระทั่งเวลา 16.49 น. เรือเริ่มเคลื่อนตัวออกจากอู่ มุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ ในเวลา 17.01 น. มีการจอดที่ท่าเรือแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมัน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ท่าเรือนี้ปรากฏคนบนเรือเพียง 5 คน ยังไม่มี นายวิศาพัช ก่อนที่เรือจะออกจากท่าเวลา 17.13 น. มุ่งหน้ากลับไปอู่เรือเอ็นบีซีโบ๊ทคลับ ซึ่งในเวลาเดียวกัน นายวิศาพัช ได้มาถึงอู่เรือและมีการถ่ายรูปตนเองระหว่างรอเรือวนกลับมารับ
เวลา 17.24 น. เรือได้มาถึงอู่เรือเพื่อรับนายวิศาพัช ก่อนวนขึ้นไปทางทิศเหนืออีกรอบ เวลา 18.24 น. เรือได้จอดที่ร้านอาหารบ้านตานิด จ.ปทุมธานี โดยทั้ง 6 คน ได้ร่วมรับประทานอาหารที่ร้านดังกล่าว ก่อนชำระค่าอาหารในเวลา 19.57 น. และเรือได้ออกจากร้านอาหารในเวลา 20.08 น. มุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ เวลา 21.23 น. กล้องวงจรปิดบริเวณท่าเรือพระนั่งเกล้า จับภาพเรือลำเกิดเหตุไว้ได้ เวลา 21.33 น. เรือได้ผ่านกล้องวงจรปิดของสะพานพระราม 5 ต่อมาเวลา 21.36 น. เรือแล่นผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 1
เวลา 21.54 น. กล้องวงจรปิดท่าเรือเทเวศ 1 จับภาพเรือลำเกิดเหตุไวได้ จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนกระโดดหรือถูกโยนลงจากเรือ เวลา 21.56 น. เรือแล่นมาถึงสะพานพระราม 8 กระติกและแตงโมถ่ายรูปตนเองคู่กันโดยมีสะพานพระราม 8 เป็นฉากหลัง ภาพนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการแก้ไขเวลาที่ภาพถูกถ่าย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบด้วยการถ่ายภาพในสถานที่และเวลาเดียวกัน ด้วยโทรศัพท์มือถือชนิดเดียวกัน อีกทั้งปรับความสว่างให้เท่ากับภาพต้นฉบับ พบแสงไฟบนสะพานเป็นแบบเดียวกัน
เมื่อนำมาประกอบกับข้อมูลเส้นทางการเดินเรือในจีพีเอส พบว่าในวันเกิดเหตุได้แล่นผ่านบริเวณนั้นเพียงครั้งเดียว อีกทั้งพิกัดจีพีเอสเรือ ยังตรงกับพิกัดจีพีเอสบนภาพถ่ายแตงโมกับกระติกดังกล่าวด้วย จึงเป็นไปไมได้ที่จะมีการแก้ไขเวลของภาพ ทำให้หักล้างข้อสังเกตเรื่องวัตถุปริศนาที่ถูกโยนออกจากเรือ ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณท่าเรือเทเวศ 1 จับภาพไว้ได้ ว่าวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ร่างของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม ตามที่สงสัยแต่อย่างใด
เวลา 22.01 น. น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก ได้ถ่ายรูป นายไพบูลย์ หรือโรเบิร์ต ในจังหวะเดียวกันที่เรือได้แล่นผ่านสะพานพระราม 8 และกำลังวกเรือกลับ ทำให้ได้ภาพ นายไพบูลย์ ที่มีฉากหลังเป็นสะพานพระราม 8 ในคนละฝั่งกับภาพคู่ของกระติกกับแตงโม และเวลา 22.06 น. เมื่อเรือแล่นลอดสะพานพระราม 8 กลับมาแล้ว กระติกได้ถ่ายภาพตนเองที่มีสะพานพระราม 8 เป็นฉากหลังอีกรูป ในภาพนี้หากสังเกตจะเห็น นายวิศาพัช หรือแซน หรือแซนดี้ อยู่บริเวณท้ายเรือด้วย
เวลา 22.11 น. กระติกใช้โทรศัพท์เรียกบริการรถรับ-ส่ง เพื่อให้มารับที่อู่เรือไปส่งที่บ้านของแตงโม เวลา 22.18 น. เรือแล่นผ่านกล้องวงจรปิดบริเวณสะพานกรุงธน หรือสะพานซังฮี้ สามารถจับภาพของ นายวิศาพัช ที่อยู่ท้ายเรือไวได้ กระทั่งเวลา 22.32 น. มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเรือลำเกิดเหตุไว้ได้ เมื่อนำภาพมาปรับแสงด้วยโปรแกรมที่กองพิสูจน์หลักฐานใช้เป็นมาตรฐาน ก็ยังพบว่ามีคนบนเรืออยู่ 6 คน ในจำนวนนี้มี 1 คนอยู่บริเวณท้ายเรือ
ต่อมาเวลา 22.33.51 น. กล้องวงจรปิดจากฝั่งตรงข้ามหรือเยื้องกับท่าเรือพิบูลสงคราม 1 เริ่มจับภาพเรือลำเกิดเหตุไว้ได้ โดยยังมองเห็นวัตถุบริเวณท้ายเรือ เวลา 22.34.00 น. เรือผ่านมุมที่เป็นแสง-เงาของท่าเรือ และยังพบเห็นวัตถุท้ายเรือ ในช่วงนี้จะเห็นเรือเริ่มหันหัวและวกเรือกลับ จากนั้นเมื่อสังเกตจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบวัตถุท้ายเรืออีก จึงเป็นไปได้ว่า แตงโมน่าจะตกเรือในเวลา 22.34.10 น. หลังจากนั้น มีรายงานคนบนเรือพยายามส่งข้อความหาคนรู้จักให้มาช่วยค้นหา และยังวนเรือกลับไป-มา ในบริเวณนี้อีกหลายครั้ง
ในการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ คือการตรวจสอบเรือลำเกิดเหตุ พบดีเอ็นเอและลายนิ้วมือของคนบนเรือครบทั้ง 6 คน ส่วนห้องน้ำของเรือมีการเก็บสิ่งของไว้จนเต็มพื้นที่ ไม่พบคราบเลือดบนเรือ และพบแก้วไวน์บนเรือเพียง 1 ใบ ทำให้เจ้าหน้าที่พบข้อพิรุธ อย่างไรก็ตาม บริเวณอู่เรือที่จอดเรือนั้นยังพบกระติกสีดำวางอยู่ เมื่อเปิดออกภายในพบแก้วอีกหลายใบ และพบดีเอ็นเอของคนบนเรือหลายคนติดอยู่
สุดท้ายคือการชันสูตรศพ สภาพกระดูกและฟันปกติทั้งร่าง ไมพบร่องรอยแตกหัก ไม่พบรอยช้ำที่ศีรษะ ไม่พยสารเสพติดหรือสารที่มีฤทธิ์มอมเมา เอทิลแอลกอฮฮล์ที่พบบริเวณลูกตาส่วนหนึ่งเกิดจากการเน่า พบโคลนในหลอดลม ที่น่าสังเกตที่สุดคือบาดแผลใหญ่บริเวณต้นขาขวาด้านใน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับใบพัดท้ายเรือแล้ว พบว่า ความลึก ขนาดและองศาของบาดแผล เข้ากับใบพัดท้ายเรือพอดี
รวมถึงการทดลองนำใบพัดเรือเฉือนกับดินน้ำมัน ก็พบรอยเว้าแบบเดียวกัน อีกทั้งมีการเทียบกับเหตุการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งเคยมีผู้ถูกใบพัดเรือรุ่นเดียวกันบาดที่ขา การเย็บแผลก็จะได้ลักษณะบาดแผลเหมือนกันกับแผลทีเกิดกับร่างของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม ส่วนบาดแผลอื่นๆ ในบริเวณขาใกล้เคียงกับแผลใหญ่ดังกล่าว ลักษณะก็สอดคล้องกับแผลถูกใบพัดเรือเฉือนเช่นเดียวกัน แผลด้านซ้ายยังสัมพันธ์กับแผลทางด้านขวา ผลการชันสูตรจึงสรุปได้ว่า น.ส.ภัทรธิดา เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ