‘กัญจนา’ประกาศไม่ยุบ‘ชาติไทยพัฒนา’ เดินหน้าสู้เลือกตั้งทุกกติกา เตรียมปรับตำแหน่งสำคัญให้‘คนรุ่นใหม่’ถือธงนำ คนรุ่นใหญ่เป็นแรงหนุน ลั่นนำ 25 ส.ส.เข้าสภา สลัดภาพพรรคท้องถิ่น ‘วราวุธ’เผยลงพื้นที่ 77 จังหวัดรับฟังปัญหาประชาชน จัดทำนโยบาย ย้ำเป้าหมายสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิต
วันที่ 24 เม.ย.2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 โดยมี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค , นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค , นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์, นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุม
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกกติกา ไม่ยุบพรรคไปรวมกับพรรคใดเด็ดขาด ส่วนกติกาเลือกตั้งที่ปรับใหม่พร้อมสู้ทุกรูปแบบ ส่วนที่พรรคการเมืองใดจะมารวมกับพรรคชาติไทยพัฒนา ยินดีต้อนรับหากมีแนวทางการทำงานที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ใน 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศมีปัญหาจำนวนมาก รุมเร้า ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่ รวมถึงโรคระบาดโควิด-19 พรรคชาติไทยพัฒนาในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลสามารถใช้ศักยภาพแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่ายืนในจุดที่ถูกต้อง สิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่เปลี่ยนแปลงคือการยึดสัจจะวาจา และการทำงานแบบพี่น้อง ไม่เป็นเผด็จการ รวมถึงจะรักษาและดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์น.ส.กัญจนา กล่าวด้วยว่า สำหรับการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคมีเกิดขึ้นแน่นอน แต่บอกรายละเอียดไม่ได้ โดยเฉพาะการปรับตำแหน่งสำคัญภายในพรรค โดยมองว่าถึงเวลาที่จะให้คนรุ่นใหม่ถือธงเดินนำ และคนรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์เป็นแรงหนุนหลัง เพราะประเทศเดินหน้าได้ต้องผสมผสานของคนทุกรุ่น เคารพซึ่งกันและกัน แต่รายละเอียดนั้นยังกล่าวถึงไม่ได้ตอนนี้ นอกจากนั้นจะเชิญคนนอกพรรคเข้ามาร่วมงาน เพื่อทำให้พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคของคนทั้งประเทศไม่ใช่พรรคท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งเท่านั้น และอย่างน้อยต้องมีส.ส.เข้าสภาฯ ที่เสนอกฎหมายในสภาฯ คือ ต้องได้เกิน 25 เสียง “พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคที่เติบโตไม่เร็วนัก แต่จะก้าวย่างที่มั่นคง วันนี้เราไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นพรรคใหญ่ไม่ได้” น.ส.กัญจนา กล่าวและว่า
ขณะนี้มีพรรคการเมืองเกิดใหม่จำนวนมาก ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมามาก หากนับรวมอายุของพรรคชาติไทยที่ก่อตั้งเมื่อปี 2517 รวมอายุแล้ว 48 ปี ผ่านการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ในการเลือกตั้งปี 2562 ถือเป็นปีที่หนักหนา สำหรับตนและนายวราวุธ เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา บิดาไม่อยู่เป็นผู้นำ แต่มีคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ อยู่กับพรรค ฝ่าฟันศึกเลือกตั้งมาได้ และมีผู้แทนเข้าสภา 10 คน และได้จากการเลือกตั้งซ่อม และย้ายพรรคเพิ่มอีก 2 คน
ขณะเดียวกันได้เปิดใจถึงอนาคตพรรค ว่า ท่ามกลางสถานการเมืองที่ค่อนข้างจะวุ่นวาย ขัดแย้งสูง มีพรรคการเมืองใหม่เยอะ กติกาเปลี่ยนไป มีคำถามมาเยอะว่า อนาคต ชทพ.จะเป็นอย่างไร ขอชี้แจงว่าเรามีทั้งเรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนแปลง เริ่มจากเรื่องที่จะไม่เปลี่ยนแปลงคือเราจะสู้ศึกเลือกตั้งในนาม ชทพ. จะไม่มีวันยุบรวมกับพรรคใดเด็ดขาด กติกาแบบไหนมาเถอะ เราสู้ทุกรูปแบบ จะไม่มีวันรวมกับพรรคอื่น แต่ถ้าใครจะมาอยู่กับเรา เรายินดีต้อนรับ ขอแค่ให้มีแนวทางการทำงานสอดคล้องกัน นอกจากนี้ เราจะไม่เปลี่ยนการเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานการเมือง แต่ไม่เล่นการเมือง เราไม่นิยมความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งไม่เคยนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ ควรเคารพความเห็นต่าง 3 ปีผ่านมา 2 รัฐมนตรีของพรรค ชทพ.ให้ความช่วยเหลือ ส.ส.ทุกเขตไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ไม่แบ่งแยก เรารับใช้หมด เวลาทำงานกับใครให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่เคยโบ้ย ไม่เคยโทษใคร
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เราจะไม่เปลี่ยนเรื่องความสัจจะ กตัญญู ที่ยึดถือมาตลอด ไม่เปลี่ยนการทำงานใน ชทพ. เราทำงานอย่างพี่น้อง อบอุ่น มีอะไรช่วยกัน สนับสนุนทุกอย่างที่จะทำให้ ส.ส.แก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ในพรรคไม่มีเผด็จการ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร รับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน และที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคือ ชทพ.จะรักษาและดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่วนที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งแรกคือ บุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรค ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะให้มีรุ่นใหม่ถือธงนำและให้คนที่มีประสบการณ์หนุนหลัง เป็นการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า แต่ยังลงรายละเอียดไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา นอกจากนี้ เราจะเชิญคนนอกพรรคเข้ามาร่วมทำงานกับเรามากขึ้น อย่าลืมว่าบุคลิกของ ชทพ.คือ มีสัจจะ พูดคำไหนคำนั้น ถ้าเราเชิญใคร เราบอกอะไรกับเขา เรายึดถือคำนั้น อนาคตจะมีคนมาร่วมทำงานกับ ชทพ.มากขึ้น
“เราจะไม่ให้ถูกมองว่าเป็นพรรคท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งอีกต่อไป ต้องเป็นของประชาชนทั้งประเทศ สิ่งที่ทำให้มั่นใจคือ เรามีบุคคล ทีมงาน และมีพลังที่จะสนับสนุนให้เราไปถึงจุดนั้น อย่างน้อยต้องมี ส.ส.ได้ในระดับที่เสนอกฎหมายได้ด้วยตัวเอง เราจะต้องได้ ส.ส.มากกว่า 25 เสียง ชทพ.จะไม่หยุดแค่นี้ มีอนาคตและเราจะไปให้ถึง” น.ส.กัญจนา กล่าว
ด้าน นายวราวุธ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของตนในฐานะรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้ง 77 จังหวัด ได้รับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อนำมาจัดทำนโยบาย สิ่งที่เป็นหมายของพรรค คือ สร้างรายได้ให้ประชาชน พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และให้ความสำคัญกับเกษตรกร ผ่านการพัฒนาเกษตรกรรม ทั้งระบบ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและปราชญ์ชาวบ้าน รวมถึงการลดใช้สารเคมี ขณะเดียวกันต้องพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มั่นคง รวมถึงต้องยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนทุกคน เช่น การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในทุกเมืองใหญ่ “จากประสบการณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา 48 ปี ขอให้มั่นใจ ผู้บริหาร ส.ส. รัฐมนตรีของพรรค ที่เห็นและเข้าใจจริงทุกปัญหา เพื่อพัฒนาทุกชีวิตของคนไทย” นายวราวุธ กล่าว