“ปฎิบัติการพิเศษ” ที่รัสเซียทุ่มกองทัพอันดับสองของโลกจู่โจมยูเครนจากสี่ทิศด้วยกำลังทางบกและอากาศ บัดนี้ผ่านไป 50 วันแล้ว โดยไม่มีวี่แววว่าจะจบลงด้วยชัยชนะเด็ดขาดให้สมกับชื่อเสียงมหาอำนาจ นำโดย “จอมทัพผู้หยั่งรู้ฟ้าดินสมุทร” อย่างปูตินได้เลย
.
เป้าหมาย “ปลดอาวุธยูเครน” และ “กวาดล้างรัฐบาลนาซี” โหวงๆ ของก็บรรลุไม่ได้ กองทัพก็อัปอายขายหน้าเสียทหารไปหลักหมื่น ใกล้ๆ กับตอนรบอัฟกานิสถานแต่ในเวลาแค่เดือนกว่าแทนที่จะเป็นสิบปี รถถังถูกทำลายไปมากกว่ารถถังทั้งหมดใน ทบ อังกฤษกับฝรั่งเศสรวมกัน เสียเรือลาดตระเวณระดับหมื่นตันแถมชื่อเดียวกับเมืองหลวงให้กับประเทศที่ไม่มีกองทัพเรือ ส่วน Mariupol ที่ล้อมได้ตั้งแต่วันแรกๆ และโม้ว่าแตกแล้วๆ ทุกวัน ถึงวันนี้ก็ยังกำราบไม่ลง แน่นอนแหละว่า สุดท้าย Mariupol คงแตกแน่ แต่ทุกวันที่ยังยืนหยัดอยู่ก็เท่ากับซื้อเวลาให้สมรภูมิภาคตะวันออกเปิดได้ไม่เต็มที่
.
ทำไมพญาหมีขาวที่เข้าสู่สมรภูมิด้วยความมั่นหน้ามาก ขนาดประกาศชัยชนะลง นสพ ตั้งแต่ 48 ชั่วโมงแรกที่บุก ถึงถูกอดีตอาณานิคมตัวเองฉีกหน้าแหกยับจนภาพมหาอำนาจทางทหารเละไม่เป็นท่า? รัสเซียยังหวังชัยชนะแบบไหนได้อีกในสงครามครั้งนี้? และเป็นไปได้หรือไม่ว่าเซเลนสกี้และนานาชาติประชาธิปไตย อาจทำให้แผ่นดินยูเครนกลายเป็นสมรภูมิสุดท้ายของ”หมีกระดาษ”ตัวนี้?
.
——————————————————
.
1. ‘War is the continuation of politics by other means’
.
Von Clausewitz บิดาแห่งวิชาการยุทธสมัยใหม่ เคยกล่าวไว้ว่า “สงครามคือการใช้กำลังทหารเพื่อช่วยบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง” จะรบทั้งทีต้องรู้ก่อนว่าสภาพการเมืองศัตรูเป็นอย่างไร? การใช้กำลังทหารสามารถเปลี่ยนสภาพการเมืองของข้าศึกให้ตรงกับความต้องการของเราได้ไหม
.
การที่เราเห็นเป้าหมายที่ปูตินขายชาวรัสเซียอย่าง “กวาดล้างรัฐบาลนาซี” , “รวมโลกรัสเซียเป็นหนึ่ง” ที่โคตรจะโหวง (และไม่อยู่ในสื่อที่แจกจ่ายให้สาวกในประเทศต่างๆ เท่ากับเรื่อง NATO) มันแสดงถึงอคติผิดๆ ของตาแก่อายุ 70 ที่ไม่เข้าใจกระทั่งประวัติศาสตร์การเมืองของเพื่อนบ้านตัวเองด้วยซ้ำ แผนการทหารที่ตามมาจึงเละไม่เป็นท่า
.
ปูตินกาวว่ายูเครนเป็นแค่ประเทศสมมติไม่มีอยู่จริง พวกที่เรียกตัวเองว่าชาวยูเครน แท้จริงก็คือคนรัสเซียแต่ใจตะวันตก ริอาจอกตัญญูต่อ “โลกรัสเซีย” ส่วนเซเลนสกี้เป็นหุ่นเชิดอเมริกัน ประชาชนไม่สนับสนุน แค่จรวดลูกแรกตกลงในกรุงคีฟ “ตัวตลก” ที่แฟนคลับปูตินชอบปรามาสคงแจ้นหนีไปโปแลนด์แล้วว
.
ด้วยความทั้งกาว ทั้งเบียว ทั้งมโน ทำให้รัสเซียวางแผนรุกเข้ายูเครนในลักษณะของการ “ปราบแคว้นนอกคอก” แบบเดียวกับที่สหภาพโซเวียตเคยทำกับประเทศเชโกสโลวาเกียในปี 1968 ง่ายๆ หมูๆ สองวันจบ แต่อย่างที่เราเห็นแล้วแหละ ว่าสิ่งที่ปูตินเจอคือชาวยูเครนที่แปลงทั้งประเทศเป็นบ้านบางระจัน ยืนหยัดสู้เพื่อรักษาเอกราชของตนไว้
.
อย่างที่ Mike Tyson ว่าไว้ “ทุกคนมีแผนหมดแหละ จนกระทั่งโดนชกเข้าที่ปาก”
.
เราไม่รู้ว่าข่าวกรองของรัสเซียทักท้วงปูตินบ้างไหมว่ายูเครนเขาไม่ได้เบียวลุงเลย เขาเกลียดลุงมาตั้งแต่ 2014 ที่โดนยึดไครเมียและต้องรบกับร่างทรงรัสเซียในดอนบาสแล้วจ้า แต่อย่างว่าประเทศเผด็จการ ถึงรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ต้องหยักหน้าหงึกๆ “ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน” ไว้ก่อน เดี๋ยวท่านยัวะ
.
รัสเซียบุกยูเครนตามสูตรเชโกสโลวาเกียเป๊ะๆ มีการทาสีรถถังด้วย แต่รอบนั้นเป็นขีดขาวโง่ๆ ไม่เหมือน Z,V,O เหมือนรอบนี้
.
โหมโรงสูตรรัสเซียต้องปล่อยพลร่ม VDV (Vozdushno-desantnye voyska Rossii) ที่เลื่องลือว่าเก่งและโหดที่สุดในกองทัพรัสเซีย (มี VDV Day ด้วยนะ เบียวจริงจัง) ลงสนามบินติดเมืองหลวงก่อน ตามด้วยเครื่องบินขนส่งลงจอดเป็นระลอกเพื่อเสริมกำลัง จากนั้นใช้พลร่มร่วมกับรถถังเบาซิ่งเข้ายึดสถานที่ราชการต่างๆ แล้วประกาศชัยชนะ ส่วนกองทัพรถถังหนัก ทหารราบที่บุกตามเข้ามาจากหลายทิศทางก็มีหน้าที่ปิดจ๊อบ แค่คุมฝูงชนในเมืองยุทธศาสตร์และเก็บกวาดกองทหารยูเครนที่ยังไม่วางอาวุธตามรัฐบาลหุ่นเชิดใหม่ที่ตั้งขึ้นก็พอ
.
ติ่งคนไหนบอกบุกคีฟเป็นแค่แผนลวง ให้ไปดูมีมที่รัสเซียทำอวยกันเองได้เลยครับ 8:00 ข้าวเช้า 13:00 ยึดคีฟ 18:00 ฟัง Concert
.
มั่นปะล่า พ่อปุ๋ยทั้งหลาย
.
แต่เพราะยูเครนไม่เหมือนเชโกสโลวาเกียที่ยอมวางอาวุธอย่างหน่อมแน้ม แผนของรัสเซียเลยตกรางตั้งแต่วินาทีแรก เฮลิคอปเตอร์ที่ขน VDV มาหย่อนสนามบิน Hostomel ถูกจรวดประทับบ่าสอยร่วงหลายลำ หน่วยพลร่มที่ว่าเขี้ยวอันดับต้นๆ ของโลกถูกล้อมตีตั้งแต่นาทีแรกๆ ที่แตะพื้นจนละลายคาสนามบิน สนับสนุนทางอากาศก็ไม่มีมาช่วย
.
ถึงสนามบินจะถูกกองหนุนที่ตามมายึดได้ในวันที่สอง แต่รัสเซียก็ไม่สามารถส่งเครื่องบินขนส่งลงจอดได้ตามแผนเพราะระบบต่อต้านอากาศยานในกรุงคีฟยังทำลายเครื่องบินรบและจรวดของรัสเซียอยู่ตลอด แสดงถึงความล้มเหลวของทัพอากาศรัสเซียเมื่อต้องปฏิบัติการในน่านฟ้าที่มี ปตอ สมัยใหม่ ต่างจากกองกำลังกบฏในซีเรียและเชชเนีย ที่รัสเซียทิ้งระเบิดใส่ได้สบายๆ
.
ความผิดพลาดของรัสเซียในวันแรกกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ยูเครนยืนหยัดได้ เพราะเมื่อชาวยูเครนที่พร้อมบวกอยู่แล้วเห็นว่าเมืองหลวงไม่ล่ม เซเลนสกี้ไม่หนี IO ฝั่งยูเครนก็เอาตำนานความกล้าหาญของ “ผีแห่งคีฟ” “เรือรัสเซีย ไปเ-ดแม่มไป” มาปล่อยได้ถูกจังหวะเวลา คนทั้งชาติจึงมีกำลังใจที่จะต่อต้านรัสเซียอย่างสุดกำลัง ในตอนใต้กองทัพรถถังรัสเซียถูกดักโจมตีต้องหยุดก่อนถึงโอเดซ่า ทางตะวันออกก็ไม่สามารถเจาะเข้าเมืองที่ก่อนสงครามถือว่า “โปรรัสเซีย” อย่างคาร์คีฟสำเร็จ กระทั่งในเขตดอนบาสที่ตอนนี้รัสเซียอ้างว่าเป็นเป้าหมายหลัก กองทัพก็ยังคืบไปข้างหน้าได้อย่างช้าๆ เพราะยูเครนใช้เวลา 8 ปีที่ผ่านมาแปลงพื้นที่เป็นแนวป้องกันแน่นหนา
.
การรวมใจกันของชาวยูเครน ไม่ว่าจะเป็นการจับอาวุธร่วมกับกองกำลังรักษาดินแดน หรือส่งน้ำ อาหาร ช่วยสร้างแนวป้องกันของพลเรือนอาสา ยิ่งทำให้แผนการของรัสเซียที่ผิดพลาดอยู่แล้วไถลไปเป็นหายนะ เพราะกองกำลังทหารที่รัสเซียจัดมาสำหรับการรุกราน มีจำนวนน้อยเกินไปมากๆ เมื่อเทียบต่อจำนวนประชากรยูเครน
.
ทางยุทธศาสตร์มีสูตรที่ใช้มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองอยู่ นั่นคือการยึดครองประเทศให้สำเร็จต้องใช้ทหารอย่างน้อย 1 นาย ต่อประชากร 40 คนเป็นอย่างน้อย ถ้าต้องสู้กับประชาชนด้วยก็ต้องใส่ทหารเพิ่มไปในสมการอีก
.
สูตรนี้มาจากตอนหลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพสหรัฐใช้กำลังทหารสี่แสนนายเพื่อปกครองชาวเยอรมันหนึ่งล้านหกแสนคนในเขตสัมพันธมิตร ก็คือ 1นาย:40คน
.
ในปฏิบัติการดานูบเพื่อปราบเช็คโคสโลวาเกียในปี 1968 โซเวียตและพันธมิตรใช้ทหารห้าแสนคนเพื่อคุมประชากรเชคสิบล้านคน หรือ 1:20 ขนาดอัตราส่วนดีกว่าสูตรสองเท่ายังถูกพลเรือนเชคต่อต้านอย่างหนัก กองทัพแดงเล่นบทโหดยิงชาวบ้านตายไปเป็นร้อยคนถึงจะสยบได้
.
บุกอีรักปี 2003 สหรัฐใช้อัตราส่วน 1:160 ต่อให้มีเทคโนโลยีเป็นต่อทุกด้าน แต่ก็ยังปราบกลุ่มติดอาวุธไม่ลง สร้างความสงบในประเทศไม่สำเร็จ ปล่อยให้ ISIS รวมเป็นกลุ่มก้อนได้
.
สำหรับการบุกยูเครน รัสเซียใช้กำลังทหารเพียงสองแสนนายต่อประชากรสี่สิบสี่ล้านคนหรือ 1:220 เท่านั้น! ทั้งที่กองทัพรัสเซียไม่ได้ไฮเทคใกล้สหรัฐ ชาวยูเครนพร้อมสู้ยิ่งกว่าชาวอีรัก และอาวุธที่ได้รับจากตะวันตกก็ทันสมัยกว่ายุทโธปกรณ์ยุคโซเวียตที่ซัดดัมมี
.
การใช้เลขอัตราส่วนทหาร 1:220 บุกยูเครนจึงไม่สมเหตุสมผลอะไรทั้งสิ้น นอกเสียจากปูตินและเสนาธิการทหารที่วางแผนอวยกันเองครื้นเครงอยู่ในถ้วยวอดก้าและเชื่อในสมมติฐานว่า
.
1. ความเข้าใจทางการเมืองยูเครนว่า “ชาวยูเครนจะยอมรัสเซียทันทีที่เซเลนสกี้ถูกกุดหัว”และ”การปราบแคว้นนอกคอก” เป็นจริง
.
2. คิดว่ากองทัพรัสเซียที่มีการปรับปรุงมาตั้งแต่ปี 2008 รบเก่งกว่าสหรัฐมากๆ เพราะรัสเซีย รบจอร์เจีย 2008 ,บุกยูเครน 2014 ,ช่วยอัซซาดถล่มกบฏซีเรีย 2015 ก็ชนะมาตลอด ส่วนอเมริกันต้องถอยออกจากอีรัก อพยพออกจากอัฟกานิสถาน
.
รัสเซียเองมีความคิดว่าวัฒนธรรมตะวันตกเต็มไปด้วยความเสื่อมทราม อ่อนแอ มีการรับพวกรักร่วมเพศเข้าเป็นทหาร กองทัพจึงตุ้งติ้งหน่มแน้ม ขณะที่ความอนุรักษ์นิยมของรัสเซีย สามารถสร้างทหารที่เเข็งเเกร่ง เป็นชายแท้และโหดเหี้ยมได้ ไปดู Russian army ad ใน youtube จะได้กลิ่น toxic musculinity มาเต็ม
.
หลักฐานอีกชิ้นว่าปูตินชะล่าใจมาก คือการเห็นหน่วย Rosgvardia หรือกองกำลังพิทักษ์ชาติจากเมืองต่างๆ ของรัสเซียร่วมขบวนทะเร่อทะร่า เข้ามาในยูเครนในช่วงต้นสงคราม หน่วยนี้ดูเผินๆ จะดูคล้ายรบพิเศษ มีอาวุธครบมือ ใส่เกราะน่ากลัว แต่หน้าที่ปกติคือรบกับประชาชน ทุบตีผู้ประท้วง พอได้เจอของแข็ง ต้องสู้กับทหารยูเครนที่มีปืนมีจรวดสวนกลับเลยละลายเละไม่เป็นท่า ถ้าใครดู VDO ใน twitter จะมีภาพขบวนรถ Rosgvardia โดนซุ่มโจมตี ชุด คฝ กระจายเกลื่อนถนน
.
Rosgvardia ของบางเมืองถึงขั้นตายหมดทั้งชุดบัญชาการเลยก็มี จนตอนนี้มีข่าวว่า Rosgvardia บางเมืองขอลาออกไม่ยอมถุกส่งไปรบยูเครน
.
เราอาจได้ยินกองเชียร์อ้างว่า การมุ่งไปคีฟเป็นเพียงแผนดึงดูดความสนใจ, ช่วงเวลาสองสามอาทิตย์แรกแค่การทดสอบขีดจำกัดของแสนยานุภาพรัสเซีย, ท่านซาร์ปูตินวางแผนทุกอย่าง
.
แต่ความจริงก็คือไม่มีกุนซืออัจฉริยะคนไหนในประวัติศาสตร์ส่งทหารหัวกะทิของตัวเองอย่างพลร่ม VDV, รบพิเศษ GRU Spetsnaz,นาวิกโยธิน ไปจนถึงกองทัพรถถังขึ้นชื่อจากสงครามโลก พร้อมรถถังรุ่น T-90A, T-80 ที่ทันสมัยที่สุดอย่าง 2nd Guards, 4th Guards ไปละลายเล่นในโดยไม่ได้ดินแดนเขามาสักตารางนิ้วแน่นอน นี่ชีวิตจริง ไม่ใช่ปั๊มรถถังแล้วกด Attack หลังฐานนะครับ
.
หรือถ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผน คนคิดก็ต้องโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ เพราะขนาดทหารที่เก่งที่สุดของตัวเองยังส่งไปตายฟรีเพื่อทำให้ศัตรูงงเล่นเลย!
.
——————————————————
.
2. ‘Potemkin Wunderwaffe’
.
ถึงเป้าหมายทางทหารจะกาวแค่ไหน แต่ก็ยังเห็นไทยสกี้ปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวรัสเซียงัดสุดยอดอาวุธทั้ง รถถังไฮเทค, เครื่องบินรบล่องหน, จรวด Hypersonic, ชุดเกราะทหารแบบ ironman ออกมายูเครนก็แหลกขึแล้ว รัสเซียออมมือต่างหาก, เก็บของดีไว้ใช้กับ NATO บลาๆ
.
เราต้อง Reality check กันก่อนว่าประเทศที่มี GDP เกือบเท่าเกาหลีใต้แต่อันดับ Corruption อยู่ที่ 136 ของโลก (เกาหลีใต้อยู่ 32) และบริหารกองทัพโดย เซอร์ไก ชอยกู รมต กลาโหมที่คอรัปชั่นมากสุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์รัสเซีย พี่แกเกาะเก้าอี้มาสิบปีจนมีบ้านราคาหกร้อยล้านสร้างแบบวังมองโกเลีย ลูกสาวเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่น เคยโยนงานขนาดสามพันล้านบาทให้เมียน้อย และแน่นอลลล ความร่ำรวยทั้งหมดสร้างขึ้นจากเงินเดือนข้าราชการประจำ
.
ประเทศคอรัปชั่นแบบนี้จะมีเงินที่ไหนไปเลี้ยงดูกองทัพบกที่ใหญ่กว่าเกาหลีใต้ถึงสองเท่า ดูแลรักษารถถังที่มีมากกว่าเกาหลีใต้ห้าเท่า เครื่องบินรบมากกว่าสามเท่า ขณะเดียวกันก็ยังมีงบเจียดไปวิจัยพัฒนาอาวุธทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศให้เหนือกว่ากองทัพสหรัฐไปพร้อมๆ กันได้ยังไหง?
.
คำตอบคือมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ตัวเลขงบทางทหาร 62 พันล้านเหรียญ (เกาหลีใต้ 46 พันล้าน, สหรัฐ 770 พันล้าน) มันไม่เคยสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับสิ่งที่รัสเซียโม้ว่าทำได้ เอาจริงๆ พวกนักวิเคราะห์เขาเห็นสภาพอุตสาหกรรมต่อเรือรัสเซียช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็พอเดาๆ ได้แหละ แต่สงครามบุกยูเครนนี่ช่วยเปิดโปงความเน่าเฟะของระบบจัดหายุทโธปกรณ์ของรัสเซียได้อย่างดี
.
รถถังไฮเทคอย่าง T-14 Armata เปิดตัวปี 2015 ประกาศว่าจะส่งมอบได้ 2,300 คันภายในปี 2020 จนถึงวันนี้มีแค่ 20 คันแค่พอใช้สวนสนาม SU-57 สุดยอดเครื่องบินรบล่องหนทุกวันนี้ประจำการจริงได้แค่ 4 ลำ อาวุธทั้งสองอย่างนี้ไม่รู้รบจริงจะเจ๋งหรือเจ๊ รัสเซียก็เอาไปลงซีเรียไปก่อนเพื่อเรียกเสียงฮือฮา แต่ภาพถ่าย วิดิโอ หรือผลการปฏิบัติการเป็นรูปธรรมแทบจะไม่มีเลย
.
รัสเซียชอบเข็น”อาวุธวิเศษ” ออกมาในลักษณะ Tech Demo ทั้งที่มีปัญหาแก้ไม่ตกอีกเยอะ ทำงานไม่ได้จริงตามราคาคุย ต้นทุนสูงกว่าจะผลิตจำนวนเยอะๆ ได้ แต่เป้าหมายคือเชิญชวนกลุ่มประเทศที่เบียวยุทโธปกรณ์โซเวียตเป็นทุนเดิมให้ว้าวไปกับสรรพคุณต่างๆ ใน Spec sheet แล้วมาร่วมผลิตล็อตแรกด้วยกัน คล้ายๆ Crowdfunding หรือถ้าภาษา Startup หน่อยก็คือ “Fake it will you make it” หรือ “เฟคๆ ไปก่อนจนมันกลายเป็นความจริง” นั่นเอง
.
ฉะนั้นเราแทบไม่มีโอกาสเห็นอาวุธพวกนี้ในสงครามยูเครนเลย เพราะนอกจากมันมีไม่พอมาใช้งานจริงแล้ว ถ้าเอาของโชว์มารบแล้วถูกยึดหรือโดนสอย รัสเซียก็จะยิ่งขายขี้หน้ากลายเป็นไม่มีคนร่วมลงขันเข้าไปอีก จะว่าไปหลังสงครามนี้รัสเซียจะเหลือลูกค้าซื้ออาวุธกี่รายก็ไม่รู้นะ อินเดียคงคิดหนักว่าของรัสเซียที่ซื้อๆ มา ถ้าไปบวกกับจีนจะไหวหรือเปล่า ส่วนอุตสาหกรรมอาวุธรัสเซียก็พึ่งชิ้นส่วนและเครื่องจักรหนักจากตะวันตก ญี่ปุ่น ไต้หวันเยอะ แค่ผลิตอาวุธมาทดแทนที่ถูกทำลายในยูเครนอาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
.
แล้วของที่ว่าเจ๋งๆ นั้น เอาจริงก็ไม่เด็ดสักเท่าไหร่ รถถัง T-14 เคยจอดตายกลางงานสวนสนาม อินเดียเคยร่วมโครงการพัฒนา SU-57 อยู่สี่ปีก็ถอนตัวเพราะคุณสมบัติเครื่องบินไม่ได้อย่างที่คุย สุดท้ายต้องไปซื้อเครื่องบินขับไล่ฝรั่งเศส กระทั่งจรวด Hypersonic คินซาล ที่สำนักข่าวทั้งหลายว้าวววู้ววววกัน ในความเป็นจริงมันคือการเอาจรวดนำวิถีพื้นสู่พื้น เทคโนโลยีอายุ 30 ปีมาโมติดเครื่องบินเท่านั้น ห่างไกลจากจรวด Hypersonic ที่สหรัฐและจีนกำลังพัฒนาอยู่มาก
.
แต่การโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้ก็เหมือนดาบสองคม เพราะนอกจากแฟนๆ เหยื่อ IO จะอวยแล้ว ฝั่งกลาโหมรัสเซียเองก็เหมือนจะเมาน้ำลายตนเองจนละเลยพัฒนาขีดความสามารถที่จำเป็นในสงครามสมัยใหม่เช่นการส่งกำลังบำรุง ระบบสื่อสารระหว่างเหล่าทัพ การปฐมพยาบาลสนาม รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมไฮเทคในประเทศ
.
ปัญหาเล็กแต่ไม่เล็กอันนึงของรัสเซียคือผลิตชิพเองไม่ได้ ชิพค่ายจีนยังไม่ดีพอ การคว่ำบาตรของตะวันตกในปี 2014 ทำให้ไม่สามารถนำเข้าชิพตัวท็อปๆ ได้เลย แล้วอาวุธสมัยใหม่อย่าง ระบบเล็งเป้าในรถถัง จรวดนำวิถี โดรน เครื่องบินรบต่างต้องพึ่งระบบอิเล็กโทรนิคส์ซับซ้อนทั้งนั้น มีคนแกะโดรนรัสเซียดู พบว่าพี่แกเล่นเอากล้อง Nikon มายัดเป็นกล้องหลัก ฝีมือประมาณเด็กชมรม Robot ป ตรี เลย
.
เราเลยไม่ค่อยเห็นทหารรัสเซียมีของดีๆ อย่างแว่นมองกลางคืน, ศูนย์เล็งติดปืนแจ๋วๆ, วิทยุสื่อสารเข้ารหัสสักเท่าไหร่ แม้ในหน่วยชั้นนำอย่าง VDV ก็เห็นใช้วิทยุจีนซื้อ shoppee อย่าง baofeng ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สองสามปีก่อนกลาโหมรัสเซียบอกว่าหน่วย VDV ได้ติดอุปกรณ์ Ratnik ชุดเกราะ ระบบสื่อสารรุ่นก้าวหน้าครบแล้ว 100%
.
ปัญหาขาดชิพ ทำให้รัสเซียต้องส่งเครื่องบิน SU-34 ราคาพันล้านบินลงมาทิ้งระเบิดต่ำๆ เพราะไม่ค่อยมีระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ที่ปล่อยจากเพดานบินสูงๆ ผลคือโดนจรวดประทับบ่าของยูเครนสอยร่วง กระทั่ง Drone ขนาดใหญ่ติดอาวุธที่สามารถทิ้งระเบิดหรือชี้เป้าปืนใหญ่ได้อย่าง Krondstadt Orion กองทัพรัสเซียยังจำนวนมีในประจำการน้อยกว่า Bayraktar tb2 รุ่นคล้ายคลึงกันที่ยูเครนซื้อจากตุรกีเลย
.
กลับกัน งบที่ไปถึงทหารยูเครนต่อคนดูเยอะกว่ารัสเซียอีก หน่วยรบพิเศษยูเครนมีแว่นมองกลางคืนรุ่นเดียวกับรบพิเศษสหรัฐรุ่นสี่ตาราคาชุดละล้านกว่าบาท กองทหารรักษาดินแดนพรั่งพร้อมด้วยจรวดต่อต้านรถถังเช่น NLAW, Javelin, AT-4, RPG จัดมาปราบนายเกราะโดยเฉพาะ
.
สายบังคับบัญชากองทัพยูเครนเริ่มเป็นไปตามแบบ NATO จึงมีความยืดหยุ่นกว่า เราเลยเห็นแทคติกที่ Creative อย่างใช้โดรนทำงานร่วมกับทหารราบเบาช่วยกันล่ารถถัง ในหลายมิติยูเครนถึงเสียเปรียบ แต่ด้านคุณภาพและขวัญกำลังใจต่อทหารหนึ่งนายถือว่าได้เปรียบรัสเซียพอควร
.
ความล้าหลังทางเทคโนโลยีของรัสเซีย ประกอบกับคอรัปชั่นในระบบ ทำให้กองทัพรัสเซียไม่ได้เป็นมีดผ่าตัดคมกริบอย่างโฆษณา แต่เป็นเหมือนค้อนปอนด์ที่อาศัยพลกำลังโหมตะลุยไปข้างหน้าด้วยอาวุธค่อนข้างล้าสมัย ถึงมีจำนวนมหาศาลแต่ก็มีความแม่นยำต่ำ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านชาวช่องต้องเสียชีวิตจำนวนมาก เพราะยังไงอาวุธที่นำวิถีไมได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อพลเรือนมากกว่าอาวุธที่นำวิถีได้อยู่แล้ว
.
แต่ถ้าพูดถึงภัยต่อประชาชนแล้ว ทหารรัสเซียน่ากลัวกว่าอาวุธอย่างรถถังพ่นไฟ TOS-1 เสียอีก
.
——————————————————
.
3. ‘Never send slaves to liberate free people’
.
ในทุกสมรภูมิย่อมมีอาชญากรรมสงคราม แต่ก็ไม่มีมหาอำนาจไหนในประวัติศาสตร์หลังสงครามโลก ที่ก่ออาชญากรรมสงครามเท่ากองทัพรัสเซียอันเป็นผลจากระบบทหาร ที่ถูกออกแบบมาให้ผลิตไพร่พลซึ่งโหดร้าย ไร้ระเบียบวินัย และปราศจากความเป็นมืออาชีพ
.
กองทัพรัสเซียประกอบด้วยทหารเกณฑ์กับทหารอาสาสมัครเซ็นสัญญา คนชั้นกลางส่วนใหญ่หาทางเลี่ยงเกณฑ์ได้ตลอดด้วยเงินและเส้นสาย เงินเดือนทหารเซ็นสัญญาก็ไม่สูง ทหารจึงเป็นอาชีพดึงดูดหนุ่มๆ จากครอบครัวฐานะยากจน
.
ถ้าใครเคยไป Moscow, Saint Petersberg อาจจะรู้สึกว่ารัสเซียนี่คงรวยไม่แพ้ยุโรปตะวันตกบางประเทศ แต่ในความเป็นจริงรัสเซียมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก รายได้ขั้นต่ำรัสเซียอยู่ที่ $190/เดือน ส่วนยูเครนอยู่ที่ $245/เดือน คนรัสเซีย 23% ไม่มีน้ำประปาใช้ คนชนบท 66.5% ยังไม่มีส้วมในบ้าน
.
ยกตัวอย่างหน่วยทหาร 36th Combined Arms Army ที่ต้องสงสัยว่าสังหารหมู่ในเมืองบูช่า พวกนี้มาจากเขตปกครองตนเอง Buryatia แถวๆ มองโกเลียซึ่งจนมาก ประชากรชายอายุเฉลี่ยแค่ 65 ไม่ต่างจากประเทศในแอฟริกาเลย
.
การฝึกทหารของรัสเซียก็โหดร้าย ใช้ระบบรับน้องที่ดัดแปลงมาจากนักโทษในคุก การตบเงินเดือนผู้น้อย ซ้อมทำร้ายร่างกาย ลวนลามทางเพศ ถึงขั้นเอาทหารเกณฑ์ไปขายเป็นโสเภณีชายเป็นเรื่องปกติและเป็นปัญหาที่รัสเซียไม่เคยแก้ได้เพราะเงินทอน ผสมกับวัฒนธรรมองค์กรที่ใช้ความรุนแรงเป็นหลักเพื่อให้ผู้น้อยเชื่อฟังผู้ใหญ่
.
เมื่อคนด้อยโอกาสที่ถูกทั้งมือทั้งตีนหล่อหลอมในระบบอำมหิตออกสู่สนามรบ นอกจากขวัญกำลังใจในการรบจะต่ำแล้ว โอกาสทำร้ายประชาชนในพื้นที่ปฎิบัติการก็ยิ่งสูงตาม เพราะขาดความเป็นมืออาชีพของทหาร ว่าตนกำลังสู้เพื่ออะไร หรือต้องปฏิบัติตัวต่อพลเรือนอย่างไร
.
ทหารรัสเซียมีชื่อเสียมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกจนชาวยุโรปตะวันออกและบัลติกมักขนานนามทหารรัสเซียว่า “Orc” (ออร์กใน Lord of the Rings นี่แหละ)ด้วยความเกลียดและกลัว
.
ในเชชเนีย ทหารรัสเซียขึ้นชื่อเรื่องขโมยของกองทัพตัวเองไปขายให้กบฎเอากลับมาใช้กับตัวเอง ก่อนการบุกยูเครน มีรายงานว่าทหารรัสเซียที่ซ้อมรบในเบลารุสขโมยน้ำมันรถบรรทุกตัวเองออกมาขาย พวกศูนย์เล็งเท่ห์ๆ เสบียงสำเร็จรูป เราๆ ท่านๆ หาซื้อได้ใน E-Bay ครับ ขโมยกันระดับนั้นแหละ
.
ในเบอร์ลิน ทหารรัสเซียฉลองชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สองด้วยการข่มขืนเด็กและผู้หญิงกว่าสองล้านคน บางคนถูกข่มขืนซ้ำ 60-70 ครั้ง ในยูเครนก็มี VDO หลุดทหารรัสเซียข้มขืนกระทั่งทารก
.
ทหารรัสเซียตั้งแต่พลทหารถึงนายพลมีนิสัยปล้นทรัพย์แล้วส่งเป็นพัสดุกลับบ้าน นายพลชูคอฟ วีรบุรุษสงครามโลก ขโมยข้าวของจากยุโรปกลับบ้านกว่า 7 คันรถไฟ ในยูเครนสำนักข่าวอิสระของรัสเซียชื่อ Meduza ตามสืบได้ว่าทหารรัสเซียปล้นทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วส่งกลับบ้านตัวเองผ่านไปรษณีย์ในเบลารุสเป็นร้อยๆ กิโลกรัม บางส่วนก็แยกมาขายในตลาดที่เบลารุส
.
บางคนอาจบอกว่า ทหารชาติอื่นอย่างสหรัฐ หรือฝั่งยูเครนเองก็มีการก่ออาชญากรรมสงคราม แต่ในกรณีทหารอเมริกันที่มักมีฐานะดีกว่าชาวบ้านของประเทศที่ตัวเองบุกนั้น การขโมยทีวี เครื่องซักผ้า มือถือ หูฟัง Macbook แบบรัสเซียก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เมื่ออาชญากรรมขนาดเล็กไม่เกิด วงจรอบุาทว์ที่นำไปสู่อาชญากรรมสงครามเต็มขั้นและต่อเนื่องเหมือนทหารรัสเซียจึงเกิดยากขึ้น
.
คือทหารเมกันมันมี pizza hut กับ burger king กินที่ฐานอ่ะครับ จะแย่งข้าวชาวบ้านไปเพื่อ? ความผีบ้าระดับส่งไอติมไปแนวหน้า มันคือการแสดงแสนยานุภาพด้าน logistics โหดสัสไปในตัว ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมบริษัทอย่าง Amazon ถึงเกิดในสหรัฐ
.
เมื่อมีการปล้นชิงก็นำไปสู่การฆ่าเจ้าทรัพย์ เมื่อข่มขืนก็ตามด้วยการฆ่าพยาน เมื่อการฆ่าทำได้อย่างไร้บทลงโทษโดยมีบังคับบัญชาเพิกเฉยหรือมีส่วนรับเงินทอนด้วย ปัญหาจึงยิ่งลุกลามใหญ่โต การได้เห็นศพชาวบ้านในเมืองบูชาถูกปล่อยไว้บนถนนโดยทหารรัสเซียไม่ฝัง ทั้งๆที่ครองเมืองอยู่หลายสัปดาห์ ในจุดยุทธศาสตร์ซึ่งต้องมีทหารระดับบังคับบัญชาลงพื้นที่แน่ๆ ก็เป็นการสะท้อนแล้วว่าความป่าเถื่อนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ระดับพลทหารเท่านั้น แต่เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง,สงครามอัฟกานิสถานและเชชเนีย
.
เราอาจยังฟันธงไมได้ว่าการสังหารหมู่ชาวบ้านของทหารรัสเซียถือเป็นตั้งใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รึเปล่า แต่การก่ออาชญากรรมอย่างไร้ความควบคุมในวงกว้างโดยมีผู้บังคับบัญชารู้เห็นเป็นใจ มีสื่อรัฐเชียร์ให้ท้าย ก็มีสิทธิ์ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูง อย่างที่สหรัฐคาดการณ์ไว้ก่อนสงครามว่าอาจสูงถึง 50,000 ราย
.
ยิ่งความโหดร้ายของทหารรัสเซียทวีขึ้นมากเท่าไหร่ชาวยูเครนก็ยิ่งฮึดสู้เท่านั้น โอกาสจะชนะด้วยอัตราส่วนทหารต่อประชาชนเพียง 1:220 จะยิ่งต่ำลงไปเรื่อยๆ ช่องว่างให้เซเลนสกี้หรือฝ่ายรัสเซียจะสามารถหาทางออกจากสงครามที่โต๊ะเจรจาได้ก็ริบหรี่ลง ใครอยากจับมือกับอาชญากรสงคราม โจรฆ่า ข่มขืนบ้าง
.
——————————————————
.
4. ‘A victory too far’
.
รัสเซียตั้งเป้าหมายสงครามไว้สูงล้นจากความเข้าใจการเมืองที่ผิดพลาด แล้วก้าวเข้าสู่การศึกอย่างชะล่าใจด้วยอาวุธ ยุทธวิถีล้าสมัย การทหารที่เน่าเฟะ จนต้องเสียกำลังพลระดับหัวกะทิไปเป็นจำนวนมาก ชื่อเสียงของยุทโธปกรณ์ที่สร้างมาหลายสิบปีก็ป่นปี้ไปกับตา ซ้ำด้วยความโหดร้ายทารุณของกองทัพรัสเซียสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวโลก ขนาดอดีตสาวกบางคนยังตาสว่าง
.
ปฎิกริยาที่เกิดขึ้นในโลกจึงให้ผลตรงข้ามกับที่ “เทพพยากรณ์” ปูตินวางแผนไว้ทุกอย่าง สหรัฐและยุโรปกลับมาเป็นปึกแผ่น ชายแดนนาโต้ที่ติดกับรัสเซียกำลังจะขยายเพิ่มอีกกว่า 1,340 กิโลเมตรเมื่อฟินแลนด์กับสวีเดนเข้าร่วมพันธมิตรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไอ้นิทานว่ารัสเซีย-ยูเครนบ้านพี่เมืองน้องก็จบที่รุ่นเราไปแล้ว
.
ทุกอย่างที่รัสเซียทำจึงกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้าน สร้างศัตรูรายล้อมมากกว่าสมันสงครามเย็นอีก
.
แต่ปูตินก็ยังมีโอกาสชนะในบางมิติอยู่ เพราะแม้อาวุธไฮเทครัสเซียจะเป็นภาพลวงตา ก็ไม่ได้หมายความว่ากองทัพรัสเซียจะกระจอกงอกง่อย รัสเซียยังเหลืออาวุธหนักผลิตตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียตเช่นรถถัง ปืนใหญ่จรวด ในจำนวนและคุณภาพที่มากกว่ายูเครนอยู่หลายขุม การย่อพื้นที่ปฏิบัติการลงเหลือเพียงแค่ดอนบาสน่าจะทำให้การส่งกำลังบำรุงทำได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ทุ่มจำนวนทหารและอาวุธในพื้นที่ปฎิบัติการได้สูสีหรือมากกว่าของยูเครน
.
การแต่งตั้ง Alexander Dvornikov มาเป็นผู้บัญชาการทหารจัดการสงครามยูเครนโดยเฉพาะ บวกกับการเร่งเป้าหมายเวลาว่าวันที่ 9 พฤษภาต้องได้ชัยชนะอะไรบางอย่าง ก็อาจทำให้รัสเซียใช้ข้อได้เปรียบอย่างปืนใหญ่ รถถัง และกำลังทางอากาศอย่างเต็มที่ มีโอกาสทำลายกองกำลังทหารของยูเครนที่อยู่ในดอนบาสได้สำเร็จเหมือนกัน
.
คำถามคือชัยชนะนั้นเพียงพอหรือไม่นั้น เป็นคำถามที่แม้แต่ปูตินก็ยังตอบไม่ได้
.
กองทัพรัสเซียต่อให้ได้รับชัยชนะในดอนบาสก็น่าจะบอบช้ำเกินกว่าจะยึดเมืองอื่นๆ ของยูเครนไหว (ซุนวู บอกว่าการรบเพื่อยึดเมืองควรเป็นทางเลือกสุดท้าย คู่มือทหารอังกฤษสมัยใหม่บอกว่าต้องใช้อัตราส่วนทหาร 5:1 ถ้าต้องรบในเมือง) ขนาด Mariupol ประชากรห้าแสนรัสเซียยังหืดขึ้นคอ ต้องใช้เวลาเกือบ 50 วันกว่าจะใกล้ยึดได้ ยูเครนยังมีเมืองประชากรหลักล้านขวางไม่ให้รัสเซียแบ่งประเทศเป็นสองส่วนอยู่อีกสามเมืองคือ Kharkiv,Dnipro และ Zaporizhzhia ซึ่งทั้งสามมีเวลาเป็นเดือนเพื่อเตรียมรับมือรัสเซีย
.
ถ้าปูตินประกาศระดมพลทั่วไป (General Mobilization) เพื่อเพิ่มกำลังทหารอีกสามเเสนนายให้อัตราส่วน 1:220 กลายเป็น 1:80 ก็เท่ากับว่าต้องยอมรับว่า “ปฎิบัติการพิเศษ” ได้ล้มเหลวเสียแล้ว
.
การประกาศสงครามเพื่อระดมพลทั่วไปจะต้องแลกมากับการยอมรับว่าสงครามครั้งนี้รัสเซียสูญเสียทหารไปเป็นหลักหมื่น ในขณะที่สื่อรัสเซียทุกวันนี้ยังให้ตัวเลขทหารเสียชีวิตแค่พันกว่านายอยู่เลย เรือ Moskva ล่ม สื่อรัสเซียยังไม่ประกาศเลยว่าลูกเรือเสียชีวิตเท่าไหร่
.
การเกณฑ์ทหารจะยิ่งสร้างความตึงเครียดให้สังคมที่ลำบากจากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทางเลือก General Mobilization เสี่ยงเพิ่มม็อบเรียกร้องให้ยุติสงครามในสังคมและทวีปัญหาสมองไหลจากประเทศของคนหนุ่มสาวให้หนักขึ้น
.
ถ้าปูตินพอใจกับชัยชนะเหนือดอนบาสและสร้างทางเชื่อมถึงแหลมไครเมียได้หลังจากยึด Mariupol สำเร็จล่ะ? มันจะพอที่จะขายชาวรัสเซียไหม เมื่อเทียบราคาที่ต้องจ่ายกับเป้าหมายที่สูงลิ่วว่าจะ “ปลดอาวุธยูเครน” “กวาดล้างรัฐบาลนาซี” “ลบความเป็นยูเครนออกจากแผนที่”?
.
ถ้าต้องการแค่ดอนบาส ทำไมถึงส่งลูกหลานชาวรัสเซียไปตายเป็นหมื่นคนแทนที่จะเน้นบุกทางตะวันออกเเต่แรก?
.
ทุกตารางนิ้วที่รัสเซียยึดได้ จะถูกก่อกวนด้วยอารยขัดขืนในเมืองและหน่วยจารชนในเส้นทางคมนาคมต่างๆ ที่คอยระเบิดขบวนรถทหาร ลอบสังหารผู้ให้ความร่วมมือกับรัสเซียอยู่ตลอดเวลา ปูตินอาจทุ่มกำลังทหารปราบปรามกบฏแต่มันก็จะกลายเป็นอัฟกานิสถานหรืออีรักภาคสองที่สูบทรัพยากรอย่างไม่สิ้นสุด ยูเครนสามารถสนับสนุนนักรบกองโจรในพื้นที่ด้วยอาวุธจากตะวันตกได้ตลอดเวลา ขณะที่รัสเซียเจ็บจากการคว่ำบาตรไปเรื่อยๆ อาวุธที่พัง ผลิตใหม่น่าจะได้ช้ามากหรือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
.
นักวิเคราะห์การเมืองโลกผ่านข้อมูลประชากรหลายคน เชื่อว่านี่อาจเป็นสมรภูมิสุดท้ายของหมีกระดาษตัวนี้แล้ว เพราะรัสเซียมีปัญหาประชากรอย่างหนัก คนอายุรุ่นมีลูกวัย 20-24 ปีมีเพียง 6.6 ล้านคนจากทั้งหมด 144 ล้านคน หรือประมาณ 4.5% เท่านั้น ขณะที่ประเทศกำลังชราอย่างไทยยังอยู่ที่ 6% ในอีกไม่กี่ปีประชากรรัสเซียจะลดลงอีกฮวบฮาบเพราะคุณภาพชีวิตต่ำทำให้อายุสั้น, ปัญหาสมองไหล,คนเกิดน้อย
.
กองทัพรัสเซียที่เคยมีกำลังพลไม่จำกัดจนกวาดพัดนาซีเยอรมันไปถึงเบอร์ลินกำลังจะกลายเป็นอดีต ปูตินเองยังเคยสารภาพว่าสิ่งที่ทำให้เขานอนไม่หลับคือประชากรรัสเซียที่หดลงอย่างน่าตกใจ จนมียาวคนตั้งข้อสงสัยว่าที่บุกกวาดล้างยูเครน เป็นเพราะอยากแปลงคนยูเครนที่รอดจากสงครามให้เป็น “ชาวรัสเซีย” เพื่อแก้ปัญหาประชากรด้วยหรือเปล่า?
.
และในแง่หนึ่ง รัสเซียได้สูญเสียกองทัพที่มีความสำคัญยิ่งกว่าทหารในสนามรบไปแล้ว เพราะหนุ่มสาวที่มีกำลังทรัพย์และการศึกษาต่างเลือกจะหนีออกจากประเทศไปกว่าสองแสนคนตั้งแต่เริ่มมีการบุกยูเครนและรัสเซียถูกคว่ำบาตร
.
คนกลุ่มนี้มีการศึกษาดีที่สุด เป็นความหวังสุดท้ายในการสร้างเศรษฐกิจไฮเทคใหม่ๆ ให้รัสเซียก้าวพ้นจากการเป็นประเทศที่ถูกสาปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นถุงเงินของปูตินและพรรคพวกไปได้เสียที
.
พวกเขาหลายคนคงตั้งรกรากประสบความสำเร็จในต่างประเทศ เหมือนผู้ก่อตั้ง Google, Telegram ที่ไม่คิดจะย้ายกลับมาตภูมิ ปูตินซึ่งบัดนี้อายุ 70 แล้วยังไม่มีผู้สานต่อที่ชัดเจน ในระบอบเผด็จการที่ไม่เอื้อต่อการมีผู้สืบทอด และกำลังพาประเทศเข้าสู่สงครามและวิกฤติที่ไม่มีทางออก
.
ถ้าเรามองย้อนไปในประวัติศาสตร์รัสเซีย จะเห็นว่าเกิดความโกลาหลวุ่นวายถึงขั้นประเทศแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่ผู้นำรบแพ้ หรือรบแล้วสูญเสียอย่างหนักกับชาติที่รัสเซียมองว่าอ่อนแอกว่าไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นในต้นศตวรรษที่ 20,อัฟกานิสถานตอนจบสงครามเย็น แต่ทุกวันนี้รัสเซียที่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ไม่มีกระทั่งอุดมการณ์ร่วมในชาติให้ยึดเหนี่ยวนอกจากปูติน ในโลกที่จีนมองแหล่งก๊าซธรรมชาติในคาซัคสถาน ไซบีเรียตาเป็นมันล่ะ หากแตกขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น
.
บางทีเหตุการณ์ที่เป็นตัวกำหนดประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 21 อาจไม่ใช่การที่จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก ไม่ใช่การถดถอยของอเมริกา แต่เป็นสิ่งที่เกิดกับรัสเซียในอีกสิบปีข้างหน้าก็เป็นได้
.
ผมนี่รอเปิด Swan lake แกล้มไวน์เลยครับ
Cr.Don Plooksawasdi
.
ภาพ https://www.oryxspioenkop.xn--42c2d9a/