กรมที่ดิน สั่งเพิกถอน โฉนดที่ดิน 2,111 ไร่ ในพื้นที่ จอมบึง จ.ราชบุรี ของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า บุกรุที่ป่าสงวนแห่งชาติ
30 มี.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช. หาดไทย เปิดเผย ถึงความคืบหน้า ข้อพิพาทที่ดินใน จ.ราชบุรี ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกกล่าวหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน โดยให้ กรมที่ดิน ตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการบุกรุกป่าสงวนจริง จากนี้กรมที่ดินจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อเพิกถอนกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง
ล่าสุดวานนี้ (29 มี.ค.) อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้รองอธิบดีกรมที่ดิน ลงนามในคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยความปรากฏว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ดังต่อไปนี้ 1.น.ส.3ก. เลขที่ 153 – 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 7 ฉบับ ออกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา 58, 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
2.น.ส.3ก. เลขที่ 704 – 707, 709, 711 – 729, 761, 1121 – 1133, 1135,1137 – 1144, 1158, 1159 และ1161 – 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน52ฉบับ ออกเมื่อปี พ.ศ.2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดินและไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ตามมาตรา 58, 58ทวิวรรคสอง (2) และ (3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
น.ส.3ก. จำนวน 69 ฉบับ ตามข้อ 1 และ 2 ได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏจากการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดินว่า ตำแหน่งที่ดินของ น.ส.3ก. พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์2562 จึงเป็นการฝ้าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) ข้อ3ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ข้อ 8 (2) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และรองอธิบดี
ซึ่ง อธิบดีกรมที่ดินมอบหมายได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 557 – 558/2564 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้ว “คณะกรรมการสอบสวนฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.)เลขที่ 153 – 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และน.ส. ๓ ก. เลขที่ 704 – 707, 709, 711 – 729, 761, 1121 – 1133, 1135,1137 – 1144, 1158, 1159 และ1161 – 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็น น.ส.3ก. ที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจริงสมควรเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) จำนวน 59 ฉบับนี้” หนังสือคำสั่งฯ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ โฉนด น.ส.3 ก. ในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา (ตรว.) ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)
หนังสือคำสั่งฯ ระบุว่า ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 ประกอบกับกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ.2553 และคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 498/2565 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง มอบหมายให้รองอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจหน้าที่พิจารณาและมีคำสั่งตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แทนอธิบดีกรมที่ดิน จึงมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) จำนวน 59 ฉบับดังกล่าว ตลอดจนเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด ทั้งนี้ ให้หมายเหตุการเพิกถอนไว้ให้ทราบตามระเบียบและวิธีการด้วย
อนึ่งโดยที่คำสั่งนี้เป็นคำสั่งทางปกครองอันอาจอุทธรณ์ต่อไปได้ หากผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งนี้ ให้ยื่นอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมที่ดิน ณ กรมที่ดิน ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามนัยมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ หากครบกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว ไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ก็ตามผู้มีส่วนได้เสียสามารถที่จะยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนา หรือศาลปกครองเพชรบุรีที่มูลคดีเกิดขึ้น หรือส่งคำฟ้องทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองดังกล่าว ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542