รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ดับเครื่องชนเสนอ รัฐบาลแก้เศรษฐกิจ ตั้งทีมใหม่เข้ามาช่วยบริการ เตือนอย่างขึ้นค่าแรง เพื่อหาเสียง จะทำให้เศรษฐกิจมีปัญหาเพิ่มมากขึ้นไปอีก
วันที่ 23 มี.ค.2565 ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย(อีคอนไทย) ย้ำว่า เรากำลังเผชิญกับ 2 วิกฤตซ้อนกันอยู่ ทั้งวิกฤตโรคระบาดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน นับว่ามีผลอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบต่อตลาดแรงงานโดยตรงด้วยพอโควิด-19 เข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เป็นต้นมา เศรษฐกิจแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด จีดีพีติดลบ 6.1 แนวโน้มที่จะฟื้นตัวมีการประเมินแล้วว่า เร็วที่สุดคือช่วงครึ่งปีหน้า 2566
“ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้จะอยู่ไกลจากประเทศไทย ทว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดวิกฤติเงินเฟ้อในหลายประเทศอีกด้วย และยังไม่รู้ว่าสงครามนี้ยืดยาวไปถึงเมื่อไหร่ จากการเจอวิกฤติซ้อนกัน ก่อให้เกิดซัพพลายช็อต ราคาสินค้านำเข้าก็พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย” ดร.ธนิต ยังกล่าว และ ว่า ขณะที่ภาคแรงงาน ธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดยตรง กระทบกับแรงงานท่องเที่ยว 3 ล้านกว่า ขณะที่คนว่างงานประมาณ 6.3 แสนคน ยังมีคนว่างงานแฝงที่ทำงานไม่ถึงชั่วโมงต่อสัปดาห์อีกประมาณ 6 แสนคน ในขณะเดียวกันยังจะมีนักศึกษาจบใหม่ออกมาแย่งงานทำอีก จึงส่งผลให้อัตราว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังวิกฤตครั้งนี้ โลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีแนวโน้มสูงที่การจ้างงานจะต้องเปลี่ยน ผู้ประกอบการจะใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ทั้งนี้ขอ เสนอ 3 ประเด็นสำคัญให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาแรงงาน คือ 1.ผู้บริหารประเทศต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ หากไม่ทำอำนาจการซื้อของประชาชนจะไม่มี การผลิตไม่เกิด การจ้างงานก็จะไม่เกิดขึ้นด้วย มันจะเป็นวงจรให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น 2. ต้องตั้งทีมพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด ด้วยการเชิญคนเก่งจากภาคเอกชนจากทุกสาขามาอยู่ในทีม โดยรัฐคอยคุมเกมอยู่เบื้องหลัง และ 3. อย่าเอาการเพิ่มค่าแรงมาเป็นเกมการเมือง เพราะยิ่งให้ค่าแรงมากก็ยิ่งเกิดภาวะเงินเฟ้อ