ถอดรหัส”คดีแตงโม” อดีตบิ๊ก ศรภ.ร่ายยาววิเคราะห์ประเด็นการเสียชีวิตของแตงโมแบบละเอียดยิบ พร้อมแนะรีบตรวจสอบเรื่องเครือข่ายมือถือจะจับโป๊ะได้ดีที่สุด ชี้ ยุคสมัยนี้ปกปิดความจริงได้ยาก
วันที่ 3 มี.ค.2565 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประเด็นคำถามเรื่อง คุณแตงโมตกน้ำเพราะอะไร ผมโดนถามทุกวัน วันละหลายครั้ง จึงขอนำมาตอบรวมๆ กันเลยนะครับ สรุปตามคำถามส่วนใหญ่ว่า
1.คนบนเรือ 5 คน บอกว่าคุณแตงโมตกน้ำขณะไปปัสสาวะอยู่ท้ายเรือ ทุกคนบนเรือยืนยันแบบนั้น ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนครับ แต่ก็มีข้อสงสัย เมื่อทุกคนให้ไปถามแซนเพียงคนเดียว ดังนั้น คนเห็นคุณแตงโมตกเรือ จึงมีแค่ แซน (แซน – วิศาพัช มโนมัย) เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นพูดตามแซน ในขณะที่แซนเองก็ให้การสับสนแต่ละวันไม่สอดคล้องกัน (วิธีหาคำตอบ จะสรุปให้ฟังตอนจบครับ )
2.จากกรณีนี้แซน จึงเป็นพยานปากเอก ก็ต้องมาดูต่อไปว่า คุณแตงโมไปฉี่ท้ายเรือนั้น สมเหตุสมผล จริงตามคำพูดของ แซน หรือไม่
(1) คุณแตงโม เป็นดาราไทย เมื่อดูภาพในคลิปสุดท้ายที่ร้องเพลงในเรือนั้นดูดีมากๆ ย่อมไม่น่าจะไปนั่งยองๆฉี่ในที่โล่ง ซึ่งบนเรือมีผู้ชายถึง 3 คน อยู่ห่างกันมากสุดก็ไม่น่าจะเกิน 4 เมตร (ในช่วงมีการชุมนุม กปปส. ผู้หญิงแถวหน้าในที่ชุมนุมส่วนใหญ่จะทราบดีว่า คุณแตงโม จะไม่เข้าห้องน้ำในรถบริการของ กทม. แต่จะข้ามถนนไปตามห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรมที่ใกล้เคียงแทน)
(2) แม้อ้างว่าห้องน้ำบนเรือเสีย แต่ไม่ได้อยู่ไกลจากท่าเรือที่จะขอเทียบเข้าไปทำธุระมากมายนัก และด้วยประเภทของเรือ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที จากจุดที่เรืออยู่ มีท่าเรือถึง 3 ท่าติดต่อกันไป นอกจากนั้นห้องน้ำบนเรือ ถึงจะชำรุดจากอะไรก็ตาม แต่แค่ฉี่เท่านั้นสามารถทำได้สบายๆ
(3) ถ้านั่งฉี่ท้ายเรือ แบบภาพจำลองนั้น ก็ยิ่งเป็นไปแทบไม่ได้ในขณะที่เรือกำลังแล่นด้วยความเร็วขนาดนั้น จะนั่งไปเกาะไป หรือทรงตัวเพื่อปรับชุดที่ใส่อยู่เพื่อทำธุระส่วนตัว เช่น การรวบกระโปรงยาวขึ้น หรือแหวกชุด
เพื่อให้ทำธุระส่วนตัวได้ ซึ่งการเป็นชุดบอดี้สูท จะทำแบบนั้นได้ยากกว่าปกติมาก โดยเฉพาะขณะที่เรือกำลังวิ่งอยู่ ลมและน้ำตีขึ้นมาแบบนั้น
2.ข้อสงสัยจากสังคมจึงเกิดขึ้น ว่า
(1) ตั้งแต่เกิดเหตุ ทำไมเพื่อนๆคุณแตงโม บนเรือทั้งหมดอีก 5 คน “หายไป” ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังค้นหาในคืนนั้น เมื่อตำรวจเจอเพื่อน (แซน – วิศาพัช มโนมัยรัตน์) ก็เขียนแค่ชื่อผู้ตกน้ำยื่นให้ แล้วไม่ให้ข้อมูลใดๆเพิ่มเติม
ซึ่งดูผิดปกติมาก
(2) ประมาณ 03.30 น. คุณแม่และพี่ชายของคุณแตงโม เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ติดต่อใครก็ไม่มีใครรับสาย โดยเฉพาะ “กระติก” ผู้จัดการส่วนตัว แต่ “แอนนา ทีวีพูล” บอกว่า “กระติก” พูดด้วยน้ำเสียงปกติเรื่องข่าวคุณแตงโมตกน้ำว่า ตกจริง พร้อมห้ามว่า “ไม่ต้องมา และอย่าให้นักข่าวรู้” ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
(3) นอกจากนั้น ทีมกู้ภัยซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากได้รับโทรแจ้งเหตุเพียง 5 นาที ยังระบุว่า “ผมถามว่าแตงโมตกน้ำลงไปตรงไหน แถวไหน ผมต้องรู้พิกัดชัดๆ เขาก็ไม่บอก เอาแต่โวยวายเหมือนคนเมา ด่าเราว่ามัวแต่ถาม ทำไมไม่มาช่วยหา ผมก็ย้ำว่า ผมต้องรู้จุดชี้จุดให้ผมได้มั้ย ก็ด่าอีก แล้วก็ขับเรือออกไปวน ไม่บอกข้อมูลเรา พอกลับเข้ามา มีพี่ตำรวจเขามาถามข้อมูล ก็ด่าตำรวจอีก ว่าตำรวจมัวแต่ถามไม่มาช่วย แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรกับทั้งเราทั้งตำรวจเลย ผมกับทีมก็เลยต้องลงไปดำน้ำตามจุดที่เขาวนเรือ โดยไม่มีคนชี้จุด ทั้งที่แม่น้ำมันกว้างมาก น้ำตรงนั้นลึกประมาณ 18 เมตร พอลงดำไปถึง dive 3 พวกผมขึ้นมา เรือลำนั้นหายไปแล้ว ไม่เหลือใครเลย พวกเรากู้ภัยก็ไม่มีคนชี้พิกัดให้เลยตั้งแต่นั้น”
(4) ทำไมกระติกไม่โทรบอกคุณแม่แตงโม ทันทีที่เกิดเหตุ แต่โทรไปหาคนอื่นๆได้ กรณีนี้กระติกแก้ตัวว่า ไม่สนิทกับคุณแม่ แต่คุณแม่บอกว่า สนิท เพราะบางทีแม่ก็ไปออกงานด้วย และยังแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กระติกด้วย
นอกจากนั้น แตงโม ยังดูแลส่งเสียลูกกระติกอีกด้วย ตรงจุดนี้สังคมสงสัยมาก โดยเฉพาะในประเด็นวันที่กระติก ซึ่งนอกจากไม่ใส่เสื้อไว้ทุกข์ให้เพื่อนแล้วยังใส่เสื้อลายดอกที่เหมือนกับเสื้อที่ทางห้องเสื้อRoyal Silk มอบให้คุณแตงโม แต่กระติกนำไปใส่โชว์ ตอนไปให้การที่โรงพักอีก
(5) คนเกือบค่อน ประเทศรอเวลา ที่ตำรวจให้ข่าวว่าผู้ที่อยู่บนเรือจะมาให้ปากคำ ตอนบ่ายสามของวันรุ่งขึ้น แต่พอถึงเวลากลับไม่มีใครมาพบตำรวจเลยสักคน หายไปไหน มีข่าวว่าไปขอปรึกษาทนายก่อน ข้อสงสัยจึงเกิดต่อไปว่า “จะไปปรึกษาทนายทำไม ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริง”ก็แค่ทุกคนต่างพูดความจริงก็จบแล้ว เหตุไดจึงต้องประวิงเวลาไว้
3.หลักฐานภาพถ่ายทางไลน์ ที่เพิ่งจะนำมาแสดง ซึ่งทำให้เห็นว่าบรรยากาศบนเรือ เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีการขัดแย้งกัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 นาที ก็เกิดเหตุ “แตงโมไปฉี่ตกน้ำ” ก็ทำให้คนสงสัยอีกว่า เป็นหลักฐานจริงหรือเปล่าเพราะข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ สามารถแก้ไข วัน เวลาได้ ตามที่เจ้าของต้องการ
เมื่อคุณแตงโมไม่สามารถมาให้การอะไรได้แล้ว การยุติข่าวลือนั้น ต้องใช้ วิธีสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาประกอบ โดยเรียกโทรศัพท์มือถือของทุกคนมาตรวจสอบว่า ได้มีการแก้ไขข้อมูลในโทรศัพท์หรือเปล่า(ตำรวจกำลังดำเนินอยู่)
นอกจากนั้น ตำรวจยังต้องไปขอบันทึกการใช้งานของโทรศัพท์ทุกเครื่องจากบริษัทผู้ให้บริการว่า มีการติดต่ออย่างไร กับใครบ้าง เวลาเท่าไร เส้นทางเดินของโทรศัพท์ยังบอกอีกว่า หลังวันเกิดเหตุแล้ว เพื่อนคุณแตงโมทั้ง 5 คนไปไหนกันบ้าง ติดต่อกับใคร และมีการพบปะกันเองบ้างหรือเปล่า ถ้าพบ พบกันที่ไหนบ้าง
นอกจากนี้ ความเร็วของเรือขณะเกิดเหตุ ตามที่คนตกปลา 3 คนให้การว่า วิ่งเร็วมากและหักโค้งออกไปกลางแม่น้ำนั้น จีพีเอส คงบอกได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งจะตอบคำถามได้หมดทุกเรื่องครับ ถ้าทำแบบนี้
อนึ่ง เรื่องรายละเอียดโทรศัพท์ ถ้าสามารถทำได้อย่างรวดเร็วก็จะทำให้สังคมหายสงสัย ว่าสิ่งที่พยานพูดมาตลอด 4-5 วันนั้นจริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ไม่ว่าเจตนา จะเป็นอย่างไร ยุคนี้ สมัยนี้ มันปกปิดกันยากจริงๆครับ