นายกฯ ซาบซึ้ง! กษัตริย์ซาอุฯ พระราชทานคัมภีร์อัลกุรอานให้ ประชาชนไทย

นายกฯ ซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณ กษัตริย์ซาอุฯ พระราชทานอัลกุรอานให้ชาวไทย จำนวน 50,060 เล่ม จากสำนักพิมพ์ต้นตำหรับ โดยได้ทำพิธีส่งมอบไปแล้วเมื่อ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา

วันที่ 1 มี.ค.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รู้สึกยินดีและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะชีช อัลชะอูด แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ในโอกาสที่ทรงพระราชทานอัลกุรอาน จำนวน 50,060 เล่มแก่ชาวไทยมุสลิม โดยอัลกุรอานที่ทรงพระราชทานให้จะมีขนาดต่างๆ และ แปลเป็นภาษาต่าง ๆ โดยได้มีพิธีส่งมอบไปแล้วเมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยมีรองหัวหน้าคณะผู้แทนของราชอาณาจักร ณ สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเทพฯ ผู้แทนจากกระทรวงกิจการศาสนาอิสลามแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ตัวแทนจากภาคส่วนการเมืองและอิสลาม นักวิชาการและผู้สนับสนุนจากจังหวัดต่างๆ ของไทยเข้าร่วมพิธีด้วย

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า กระทรวงกิจการศาสนาอิสลามแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักพิมพ์อัลกุรอาน คิง ฟาฮัด (King Fahd Complex for the Printing of the Holy Qur’an) จะจัดส่งสำเนาอัลกุรอานให้กับชาวมุสลิมทั่วโลก อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ในการส่งมอบของขวัญก่อนเดือนรอมฎอนจะมาถึง การส่งมอบดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากที่ซาอุดีอาระเบียเคยส่งมายังประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นโอกาสสำคัญในการสานต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งนี้ อัลกุรอานได้ถูกแปลไปในกว่า 76 ภาษา และทางสำนักพิมพ์ ฯ ได้เพิ่มอัตราการผลิตขึ้นมากกว่า 100% คือ จาก 7 ล้านเล่มต่อปี เป็น 20 ล้านเล่มต่อปี โดยมีคุณภาพผลงานในระดับสูง โดยจนถึงสิ้นปี 2564 มีการผลิตแล้วมากกว่า 345 ล้านเล่ม และมากกว่า 320 ล้านเล่มในจำนวนนี้ ถูกแจกจ่ายเป็นของขวัญไปสู่ชาวมุสลิมทั่วโลก

นายธนกร กล่าวว่า การส่งมอบดังกล่าวสะท้อนถึงการส่งเสริมความร่วมมือและสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่มีปฏิสัมพันธ์ถึงมิติด้านสังคม รวมถึงบทบาทของไทยที่ได้รับการยอมรับในชุมชนมุสลิมระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เสรีภาพและปรองดอง รวมถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคม นอกจากนั้น ล่าสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Saudi Arabian Airlines จากเมืองเจดดาห์ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้ถึงประเทศไทยเป็นเที่ยวบินแรก เมื่อเวลา 18.05 น. โดยมีคณะนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาไทย จำนวน 71 คน โดยมีการควบคุมให้ไปตามมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

เชื่อมั่นว่า เที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ถือเป็นหนึ่งปัจจัยความสำเร็จจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าการเปิดตารางเที่ยวบินตรง กรุงริยาด – กรุงเทพฯ – กรุงริยาด นี้จะช่วยส่งเสริมการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว และช่วยให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการเดินทาง สามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ได้สะดวก ตลอดจนเป็นโอกาสต่อยอดขยายตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น ยุโรป และตะวันออกกลาง เป็นต้น.