หุ้นไทยผวา สงครามยูเครน ปิดตลาดร่วง33จุด พลังงาน สั่งสำรองน้ำมันรับมือ

ตลาดหุ้นไทย ผวาสงคราม”รัสเซีย-ยูเครน” ปิดตลาดร่วง 33 จุด ตลท.เตือน นักลงทุนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะ ปลัดพลังงาน สั่งหน่วยงานเตรียมปริมาณสำรองรับมือเต็มที่ ขอใช้น้ำมันคุ้มค่า

การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ดัชนีปิดทำการที่ 1,662.72 ลดลง 33.73 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 126,557.78 ล้านบาทขณะที่ นักวิเคราะห์ชี้ว่า ดัชนีปรับลดลง รับข่าวความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย และ ยูเครน นอกจากนี้ตลาดยังได้รับความกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันดังกล่าวทะลุหลัก 2 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่ราคาทองเพิ่มขึ้น โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานการซื้อขายในวันดังกล่าว ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 29,364.92 บาท ขายออก 30,500.00 บาท

นายภากร ปีตธวัชชัย ผจก.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แนะนำติดตามข่าวสารความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างใกล้ชิด เพราะยังประเมินลำบากว่าความรุนแรงจะมากน้อยเพียงใด และสถานการณ์จะขยายตัว หรือส่งผลกระทบต่อประเทศไทย แต่หากเพิ่มความตึงเครียดจะส่งผลให้ราคาสินค้าขยับขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำมันดิบ

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป ได้ช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้รัสเซียต่อการปฏิบัติการในยูเครน หลังผู้นำรัสเซียสั่งการใช้กำลังทางทหารในพื้นที่ สร้างความวิตกกังวลให้กับนานาชาติ และส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมัน และ LNG เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลางประมาณ 55% และนำเข้าจากรัสเซียเพื่อกลั่นเพียง 5.22 ล้านลิตร/วัน หรือคิดเป็น 3% ของปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด และในส่วนของ LNG ประเทศไทยนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 18% จากหลากหลายแหล่ง ซึ่งทางกระทรวงพลังงานก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมด้านปริมาณสำรองพลังงาน โดย ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 3,200 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,460 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,670 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน แบ่งเป็น น้ำมันดิบ 27 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 13 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 12 วัน ส่วน LPG สำหรับในภาคครัวเรือนใช้ได้ 16 วัน

“สิ่งที่น่ากังวลที่สุดเป็นเรื่องของราคาพลังงาน ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าเริ่มมีการใช้กำลังทางทหารเกิดขึ้นแล้ว และขอยืนยันว่า จากวิกฤต ที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และกระทบวงกว้างทั่วโลก แต่กระทรวงพลังงานจะยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่ในการบรรเทาให้เกิดผลกระทบกับคนไทยน้อยที่สุด และขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์วิกฤตนี้และร่วมกันใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด ” ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว