รมว.เกษตรฯ มอบ “อลงกรณ์” ประชุมแก้ปัญหา ส่งออกผลไม้ล่วงหน้าทั้งระบบ

“อลงกรณ์ พลบุตร” ประชุม การจัดทำแผนแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การส่งผลไม้ล่วงหน้าทั้งระบบ ตามนโยบาย 5 ยุทธศาสตร์ของ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยปี64 ไทยครองส่วนแบ่ง ตลาดส่งออกไปจีนมากที่สุด กว่า 1.6แสนล้านบาท

วันที่ 3 ก.พ.2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงาน จัดทำแผนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผลไม้ล่วงหน้าทั้งระบบ ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าประชุมกับคณะกรรมธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม ที่รัฐสภา เพื่อตอบข้อซักถามและร่วมหารือแสดงความคิดเห็นโดยมี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เป็นประธาน นายประกอบ รัตนพันธ์ คณะกรรมาธิการฯ พร้อมด้วย นายวีระกร คำประกอบที่ปรึกษากรรมการ และคณะกรรมาธิการฯ นายขจร เราประเสริฐ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ร่วมประชุมหารือให้ข้อมูล และ ผู้แทนภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมทุเรียนไทย ผู้แทนสมาคมผูประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด และผู้แทนสมาคมผู้ค้าและส่งออกลำไยภาคตะวันออกนายอลงกรณ์ ได้ชี้แจงถึงศักยภาพผลไม้ไทยและผลงานรัฐบาลโดยในปี2564 ประเทศไทยครองส่วนแบ่งตลาดผลไม้ในจีน45% เป็นอันดับ1 และ ส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า1.6แสนล้านบาท (ม.ค-พ.ย2564)โดยเฉพาะทุเรียนส่งออก ทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก แม้จะเผชิญปัญหาด่านและการขนส่งจากผลกระทบโควิด19โดยยึดแนวทางและมาตรการการบริหารจัดการผลไม้รวมทั้งการปฏิรูปเชิงระบบภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ.และแนวทางการพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570 นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ยังชี้แจงประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการประกันราคาสินค้าเกษตรและผลไม้ ,โครงการ1กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารสู่เกษตรมูลค่าสูง (กรกอ.), ศูนย์AIC หรือ ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (:Agritech and Innovation Center) 77 จังหวัด และ ศูนย์ความเป็นเลิศ 23 แห่งสนับสนุนด้าน R&D การอบรมบ่มเพาะ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เน้น Made in Thailand เช่นเทคโนโลยีจุลินทรีย์ขจัดการปนเปื้อนและคงสภาพความสดของผลไม้ได้เพิ่มขึ้นโดนAICจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเทคโนโลยีไนโตรเจน( Nitrogen Technology ), การบริหารข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Big Data Center :NABC) ,การบริหารLogistics ผลไม้ และสถานการณ์ด่านรวมทั้งการขนส่งเส้นทางรถไฟจีน-ลาวโดยขบวนรถไฟขนสินค้าเกษตรของไทยไปจีนเที่ยวปฐมฤกษ์ออกจากสถานีเวียงจันทน์ใต้27ม.ค.2565ส่วนการขนส่งผลไม้ไทยเหลือเพียงการก่อสร้างด่านตรวจพืชของจีนที่ด่านรถไฟโมฮ่านก็เริ่มใช้บริการได้ ในขณะที่สถานการณ์ด่านและการขนส่งมีแนวโน้มดีขึ้น ทั้ง4ด่านหลักเปิดบริการยกเว้นช่วงตรุษจีนแต่ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการZero Covid ส่วนค่าระวางเรือเริ่มลดลงมีสายการเดินเรือเพิ่มขึ้น

นายอลงกรณ์ ยังได้นำเสนอตัวเลขการส่งออกปี 2564ซึ่งสามารถส่งออกทำสถิติสูงสุด ทุเรียนทะลุแสนล้านทั้งนี้ 11เดือน (ม.ค.-พ.ย.)ของปี 2564 ส่งออกผลไม้ 7 ชนิดได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และ มะม่วง จำนวน1,992,751ตันคิดเป็นมูลค่า 165,624ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40.75%
เทียบกับปี 2563ที่ส่งออก1,718,228ตัน มูลค่า 117,673ล้านบาท สำหรับทุเรียนส่งออก 903,700 ตัน ปริมาณเพิ่มขึ้น 38.29% คิดเป็นมูลค่า115,459 ล้านบาท เติบโต59.11% เทียบกับปี2563 ส่งออก 653,476ตัน มูลค่า72,566ล้านบาททางด้านฤดูกาลผลิตปี 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกมา 5,200,009 ตันเพิ่ม11.39% หรือ เพิ่มกว่า5แสนตันเทียบกับปี 2563 ที่มีปริมาณ4,668,435ตัน โดย17มาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 เพื่อดูแลบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ เป็นมาตรการหลักในการขับเคลื่อนเช่น
1.มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง
2.มาตรการช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกรหรือล้งกระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน
3.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3 %และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน
4. กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฎหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน
5.มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศเป็นต้น

ส่วนในกรณีเกิดวิกฤติได้มีการออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าทั้งระบบ ปี 2565ได้แก่ 1) มาตรการป้องกันเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ 2) มาตรการช่วยเหลือในการกระจายสินค้า ควบคุม คุณภาพและกระตุ้นการบริโภคผลไม้ 3) มาตรการช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทย 4) มาตรการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ และ 5) มาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ปกติ

นายอลงกรณ์ ยังได้ชี้แจงประเด็น เรื่อง GAPว่า กรมวิชาการมีการถ่ายโอนภารกิจมอบให้เอกชนรับรองแปลงสวน GAP ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2553ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมา นำร่องแปลงที่มีพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ ปีที่สอง จะถ่ายโอนตั้งแต่พื้นที่ 20 ไร่ ขึ้นไป ปีที่สาม จะถ่ายโอนตั้งแต่ พื้นที่ตั้งแต่ 10 ไร่ ขึ้นไป และในปีสุดท้ายจะถ่ายโอนภารกิจทั้งหมด โดยที่กรมวิชาการเกษตรจะตรวจรับรองให้เฉพาะสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร เกษตรแปลงใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจ ชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นมาเท่านั้น โดยมีหน่วยตรวจรับรองเอกชน ที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจตรวจรับรองมาตรฐาน GAP แทนราชการ โดยกรมวิชาการจะดูแลอัตราค่าบริการที่เหมาะสมเป็นธรรม ซึ่งนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการฯแสดงความพอใจต่อการชี้แจงครั้งนี้ และ การทำงานของฟรุ้ทบอร์ด และ จะทำหนังสือเป็นข้อเสนอถึง รมว.เกษตรฯ ในฐานะประธาน Fruit Board ต่อไป

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวในท้าย โดยขอบคุณคณะกรรมาธิการฯ.ที่ห่วงใยชาวสวนและมีข้อเสนอที่ดีโดยคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเป็นประธานจะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 17 ก.พ.และจะนำข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการเข้าสู่วาระการประชุมเพื่อพิจารณาปัญหาความเดือนร้อนของชาวสวนลำไย ฤดูกาลผลิตปี 2564 และแนวทางช่วยเหลือเช่นมาตรการเยียวยาทั้งนี้ขึ้นกับคณะรัฐมนตรี รวมทั้งข้อเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาคมต่างๆเช่นเรื่องGreen lane เรื่องด่าน เรื่องการผ่อนผันผ่อนปรนGAPสำหรับเกษตรกรซึ่งรู้สึกเห็นใจเกษตรกรที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชาวสวนรายย่อย.