“เต้น” เรียกร้อง ปล่อยเด็กๆ ออกจากคุก ชี้ “รุ้ง-ปนัสยา”เป็นคนอ่อนหวานไร้ก้าวร้าว

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” โพสต์ถึง “รุ้ง-ปนัสยา” ระบุเป็นคนอ่อนหวานไร้ก้าวร้าว การต่อสู้ของเด็กๆ ยากลำบาก ทุกครั้งที่ก่อการอยุติธรรมย่อมมีค่าใช้จ่าย สงสารปล่อยเด็กสาวออกจากคุกเถอะ

วันที่ 24 พ.ย.2564 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า….กันยายน 2563 ห้องเยี่ยมญาติ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ “เธอได้ดูข่าวบ้างมั้ย มีเด็กผู้หญิงคนนึงใส่เสื้อสีแดงตลอดตอนมีกิจกรรม ชื่อรุ้ง ปนัสยา” อ.ธิดาบอกผมผ่านลูกกรง หลังปรากฏความเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษามาแล้วระยะหนึ่ง

สำหรับพวกเรา เสื้อสีแดงในสนามต่อสู้มีแรงกระทบความรู้สึกเสมอ เพราะเราเชื่อร่วมกันว่าที่ไหนมีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่นั่นมีคนเสื้อแดง ไม่ว่ารุ้งจะให้ความหมายกับเสื้อที่ใส่อย่างไร เราก็คิดว่าภาพนี้น่าสนใจ ผมรู้จักชื่อนี้จากข่าว ไม่เคยพบกันมาก่อน ตอนเจออานนท์ เพนกวิน ไมค์ ไผ่ และคณะในเรือนจำก็ถามถึงรุ้งด้วยห่วงใย เพราะเธออยู่เรือนจำหญิงเพียงคนเดียว “น้องเขาเป็นไงบ้าง ไหวมั้ย” ผมถามอานนท์และได้คำยืนยันว่ารุ้งแกร่งพอ

จนต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “สวัสดีค่ะพี่เต้น หนูรุ้งนะคะ…” ไลน์ผมขึ้นข้อความนี้ เธอบอกว่าเพนกวินให้ไลน์คอนแทคมา อยากขอความเห็นผมเรื่องสถานการณ์ หลังจากนั้นก็คุยกันทางข้อความหรือโทรไลน์บ้าง เจอกันครั้งแรกหลังเวทีแยกอโศก รุ้งแวะมาทักทายและคุยกับใครหลายคนหลังเวที
ผมไม่เห็นความก้าวร้าวในตัวเด็กสาวคนนี้ รุ้งเป็นคนอ่อนหวานและน่าจะอ่อนไหวในบางเวลา พอพูดให้กำลังใจเธอจะตอบ “ค่ะ”เน้นๆ ฟังทางโทรศัพท์ก็รู้ว่าใบหน้าคนพูดมีรอยยิ้ม

ครั้งหนึ่งรุ้งกับเพื่อนๆมีแผนจัดเวทีที่ราชประสงค์ ช่วงเวลาทับซ้อนกับเวทีแยกอโศก เธอโทรมาอธิบายเหตุผลรูปแบบเป็นนาน ผมพูดชัดไว้ก่อนแล้วว่าหนุ่มสาวคือขบวนนำ หากพวกเขามีกิจกรรมจะหลบเวทีให้ทันที แต่ก็อยากฟังวิธีอธิบายจึงให้รุ้งพูดต่อไป “โอเคครับน้อง พี่ไม่มีเวทีในวันนั้น” ผมยิ้มกับตัวเอง “ขอบคุณมากค่ะ” น้ำเสียงเเบบสาวน้อยได้ของถูกใจ

การต่อสู้ของรุ้งมีทั้งบนเวที ในกระบวนการยุติธรรม และช่วงเวลากดดันต่างๆ ภาพเธอนอนให้เจ้าหน้าที่อุ้มตัวไปทำให้ผมย้อนนึกถึงอาจารย์มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ผู้นั่งเก้าอี้ไขว่ห้างอย่างทระนงให้ตำรวจอุ้มไปจากหน้าบัลลังก์ศาล คนหนึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อีกคนเป็นนักศึกษา แต่เลือกวิธีปฏิเสธอำนาจรัฐได้หมดจดแหลมคมแสบสันต์

เห็นรุ้งให้สัมภาษณ์คู่กับพี่สาวใจเราก็จุก เธอเป็นน้องเล็กของบ้าน เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนคนอื่นๆในวัยเดียวกัน มีฝันมีพลังของตัวเอง และมีความมุ่งมั่นที่จะทำตามฝัน ทั่วโลกมีคนหนุ่มสาวเหล่านี้ แต่ประเทศนี้นอกจากไม่รับฟังแล้วยังจับขัง บังคับให้ดับฝัน การต่อสู้ของเด็กๆอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่การรักษาอำนาจของผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกครั้งที่ก่อการอยุติธรรมย่อมมีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้มีอำนาจคือความเสียหาย

ที่ผมได้ยินมาคือน้องๆอาจถูกขังยาว ถ้าเป็นจริงจะไม่เกิดผลดีกับใครฝ่ายใดเลย ยืนยันว่าวิธีการแบบนี้แก้ปัญหาไม่จบ ขังได้ก็แค่ตัวไม่กี่คน แต่ความคิดคนอีกทั่วประเทศจะเอาอะไรขังไว้ ตั้งหลักกันใหม่ดีๆ เงื่อนไขแบบแอมมี่หรือจะเพิ่มอะไรอีกบ้าง ถือว่าพบกันครึ่งทางดีกว่าหรือไม่ ประสบการณ์ตรงของผมเมื่อปี 2553 ถูกขัง 9 เดือนยื่นประกันกว่า 20 ครั้งยังไม่ได้ แต่เมื่อพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯออกโรงเป็นพยานไต่สวนก็ได้รับอิสรภาพ นอกจากให้ทหารปลูกผักชี ขับรถขนของ นายกฯควรคิดเอาเด็กออกจากคุกบ้าง

นี่ไม่ใช่เรื่องล้มล้างใดๆเลย แต่ผมสงสารเด็ก ไม่อยากให้พวกเขาล้มลง ทั้งที่ยังมีศักยภาพนำพาสังคมได้อีกไกล ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ