เพื่อไทย เตรียม อภิปรายทั่วไป เปิดโปง “บิ๊กตู่”ไร้ความสามารถ บริหารบ้านเมือง

“ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” โฆษก เพื่อไทย ชี้ รธน.ฉบับประชาชน แม้ไม่ถึงฝั่งแต่ไม่สูญเปล่า เตรียมเดินหน้าขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตาม ม.152 เร็วๆ นี้ เปิดโปงความไร้ประสิทธิภาพ ในการบริหารบ้านเมืองของ” พล.อ.ประยุทธ์”

วันที่ 20 พ.ย. 2564 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.ในฐานะ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีมติไม่รับหลักการในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมว่า รู้สึกผิดหวังกับผลการลงมติในครั้งนี้ ทั้งที่ภาคประชาชนได้ร่วมกันกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ยึดโยงกับประชาชนขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศผ่านกระบวนการนิติบัญญัติอย่างสุดความสามารถ ซึ่งเป็นหลักการที่พรรคเพื่อไทยยึดถือมาโดยตลอด

แม้ในครั้งนี้เสียงโหวตของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน จะไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลและเสียงโหวตของสมาชิกวุฒิสภา รวม 473 เสียงไปได้ พรรคเพื่อไทยมองว่า อย่างน้อยการขับเคลื่อนจากประชาชนในครั้งนี้ถือเป็นกลไกที่เข้มแข็ง ระหว่างสภาผู้แทนราษฎรที่ทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยรูปแบบทางตรง ซึ่งจับมือกันอย่างเหนียวแน่นกับประชาธิปไตยทางอ้อมอย่างภาคประชาชนในการแก้ไขวิกฤติของประเทศน.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า น่าเศร้าตรงที่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี ส.ว.จากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารที่มีอำนาจในทางนิติบัญญัติล้นเหลือ แต่เชื่อมั่นว่าพลังของประชาชนและพรรคการเมือง ซึ่งมีที่มาจากประชาชนจะช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศได้ แม้ผิดหวังแต่จะไม่หมดหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าเตรียมขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 โดยเร็ว เพื่อเปิดโปงถึงความไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วนที่ ส.ส.พรรครัฐบาล กล่าวหา พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนเพื่อหวังหาเสียงนั้น ถือเป็นความคิดที่คับแคบ ไม่มีประชาชนอยู่ในหัวใจ นายไพบูลย์ นิติตะวัน คงหลงระเริงและเคยชินกับการปกครองที่ใช้อำนาจรัฐมากเกินไปโดยไม่มีใจเป็นธรรม ทำตัวอยู่เหนือประชาชน ไม่เคยสนใจสาเหตุแห่งความทุกข์ยากของประชาชนที่เกิดจากผลพวงของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของเผด็จการ เครือข่ายอำนาจและผลประโยชน์

“ความพยายามของภาคประชาชนในครั้งนี้ไม่สูญเปล่า เพราะถือว่าได้กระชากหน้ากาก ส.ว. กับพรรคร่วมรัฐบาลให้ออกมาเปลือยกายเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำว่าใครที่มาจากประชาชน และใครกันแน่ที่มาจากเงาของเผด็จการ” โฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าว