นายกฯ ยอมรับกองทุนน้ำมันติดลบ ขณะ ครม. อนุมัติขอเงินกู้อีก 2 หมื่นล้านบาท คาดสำรองจ่ายได้อีก 4 เดือน วอน”ม็อบคอนวอย” รถบรรทุกอย่ากดดัน แต่เตรียมแผนให้ บขส.และ รถไฟ ขนส่งสินค้านแทน
วันที่ 16 พ.ย.2564 เวลา 13.15 น.ที่โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.สัญจร ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา “ม็อบคอนวอย” หลังกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ทำกิจกรรมคาร์ม็อบ เคลื่อนขบวนรถบรรทุกในถนน 4 สายหลัก และมาชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ว่า ยืนยันแล้วว่า เราต้องรักษาให้ได้ในราคา 30 บาทต่อลิตรก่อน และถ้าราคาน้ำมันมีการปรับลดลงทุกอย่างก็จะดีขึ้น เพราะขนาดตรึงแค่ราคา 30 บาท ก็ใช้เงินอุดหนุนไปประมาณเดือนละ 3,000 ล้านบาท ในส่วนของกองทุนน้ำมันนั้นอยู่ในสภาพที่ติดลบแล้ว และวันเดียวกันนี้ ครม.ได้มีการอนุมัติ เงินกู้ไปเพื่อนำงบประมาณมาใช้จ่ายสำรองไว้ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งถ้าราคาน้ำมันลดลงก็ไม่มีปัญหาทุกอย่างก็จะกลับคืนเข้าสู่สภาวะปกติราคาน้ำมันก็จะลดลงมาเองต่อข้อถามว่ามีความพยายามกดดันด้วยกันนำรถบรรทุกเคลื่อนไหวบนถนนสายหลักและมาชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงพลังงานจะแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานก็เป็นความเคลื่อนไหวของสมาคมรถบรรทุก ซึ่งในประเทศไทยก็มีหลายสมาคมยอมรับว่ามีคนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลก็ต้องดูแลทุกคนซึ่งรัฐบาลก็จำเป็นต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน “ขอร้องว่าอย่าใช้แรงกดดันมาเลย ขอให้เห็นใจประเทศชาติบ้างในเวลานี้ อย่างไรก็ตามวันเดียวกันนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปจัดการขนส่งทางรถไฟ จะเอารถ บ.ข.ส. ในการขนส่งสินค้าเพิ่มเติมและถ้ามีความจำเป็นทหารก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ด้วย”
เมื่อถามว่า จำนวนเงินกู้เพื่อนำมาสำรองในกองทุนน้ำมันจำนวน 2 หมื่นล้านบาทใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเงินกู้จำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพราะกติกา หรือ กฎหมายกู้ได้เท่านั้น ส่วนจะใช้ได้กี่เดือนก็ต้องดู ปัจจุบันราคาน้ำมันก็เริ่มที่จะปรับตัวลงบ้าง แต่ถึงจะมีการปรับลดลงมาอย่างไรก็เกินราคาลิตรละ 30 บาทอยู่ดี เพราะต้นทุนยังคงสูงกว่าที่เราเคยเคยทำมา ตอนนี้ก็รอดูสถานการณ์น้ำมันโลกซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันกันมากมายมีการวางแผนกดดันกันพอสมควร เราก็คาดหวังว่าจะมีการลดราคาในเวลาอันใกล้ในขณะนี้ได้ เราจะได้กลับสู่ที่เดิมของเรา อย่าลืมว่าเรามีกองทุนน้ำมันที่สะสมเอาไว้และใช้ไปหมดแล้วด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในส่วนของโครงสร้างก็มีหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งในส่วนของภาษีก็กลับมาเป็นรายได้ของประเทศ ส่วนเรื่องค่าการตลาดก็จำเป็นต้องมี ดังนั้นถ้าให้ลดลงทั้งหมดแล้วรายได้ของประเทศจะมาจากตรงไหนก็ต้องช่วยกันคิดตรงนี้ ตนได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณา อยู่ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งพวกเราไม่สามารถที่จะไปขุดเจาะน้ำมันจำนวนมากในประเทศไทยได้ ซึ่งเราใช้รถยนต์และยานพาหนะจำนวนมากจึงต้องขอร้องให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน ในอนาคตก็คงจะต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าตามที่ได้ประกาศไว้ 30% ในประเทศ