ครอบครัวเหยื่อระเบิดพลีชีพ มัสยิดเมืองกุนดูซ ร่ำไห้ขณะทำพิธีฝังร่างผู้เสียชีวิต

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ รายงานการทำพิธีฝังศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพ ที่ มัสยิด ในจังหวัดกุนดูซ ในอัฟกานิสถาน จากฝีมือของกลุ่มไอเอส โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก

เด็กชาย ชาเอีย วัย 12 ปี เป็น 1 ในเหยื่อระเบิดฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นที่มัสยิด Gozar-e-Sayed ในจังหวัดกุนดูซ ขณะมีการละหมาดญุมอัต เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ชาเอีย เสียชีวิตพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวเดียวกันอีก 3 คน ที่ร่วมละหมาดข้าง ๆ เขา ในวันนั้น ชูจา พี่ชายของเขาเป็นผู้ฝังร่างน้องชาย และสมาชิกในครอบครัว ด้วยความเศร้าโศก เขายอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้เพราะเพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ อย่างสยดสยอง และว่า เขาไม่สามารถบรรยายความเสียใจออกมาเป็นคำพูดที่สมบูรณ์ได้

เหตุระเบิดพลีชีพครั้งนี้ เป็นการโจมตีล่าสุดต่อชนกลุ่มน้อยชาวชีอะฮ์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งกลุ่มซุนนีหัวรุนแรง เช่น ISIS แห่งโคราซาน ที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ตราหน้าพวกเขาว่าเป็น พวกนอกรีตชูจา เล่าว่า ตอนนี้ครอบครัวเขามี “ผู้พลีชีพ” ถึง 4 คน และตอนนี้แทบทุกบ้านมี “ผู้พลีชีพ” เขากล่าวพร้อมเสียงสะอื้นว่า “เราทนไม่ไหวแล้ว เราใช้ชีวิตอยู่กับความทุกข์ยากนี้มานานหลายปีแล้ว”ชูจา วัย 19 ปี ตัดสินใจไม่ไปมัสยิดเพื่อละหมาดวันศุกร์ แต่เขาก็ต้องรีบไปในที่สุดเมื่อได้รับรู้ข่าวการระเบิดที่มัสยิด และเขาถึงกับเป็นลมเมื่อได้พบร่างของน้องชายในท่ามกลางซากศพที่เต็มไปด้วยเลือด เขากล่าวว่า บางคนไม่มีส่วนใดของร่างกายหลงเหลืออยู่ บางร่างอวัยวะขาดหาย เขาหวังว่า สักวันหนึ่งประเทศอัฟกานิสถานจะสงบสุขเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ

เหยื่อระเบิดฆ่าตัวตาย กว่า 60 ราย ถูกนำมาฝังที่สุสาน Sar-e-Dawara เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา ญาติหลายสิบคนมารวมตัวอยู่รอบหลุมศพของเหยื่อวัย 17 ปี พวกเขาร้องไห้คร่ำครวญก่อนที่จะอ่านข้อความจากอัล-กุรอาน หลังจากโลงศพไม้อัดที่บรรจุร่างที่ถูกห่อด้วยผ้าขาว จะถูกหย่อนลงในหลุมและทำการกลบฝัง

ญาติของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า นี่เป็นหายนะของผู้คน โดยเฉพาะชาวชีอะฮ์ ที่ตกเป็นเป้าหมายไม่ว่าประเทศจะปกครองด้วยรัฐบาลใด กลุ่มตอลิบันเคยให้คำมั่นว่า จะรักษาความปลอดภัยให้กับชาวอัฟกันทั้งหมด ชาวชีอะฮ์ก็ดีใจและคิดว่ารัฐบาลนี้จะนำความปลอดภัยมาสู่ชุมชนของเขา

แต่โชคร้ายที่ต้องมาเห็นการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก็คือชาวชีอะฮ์ที่น่าสงสาร ซึ่งเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองใด ๆ เลย และอาจจะเรียกได้ว่า เป็นการก่ออาชญากรรมต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยแท้