รมว.สาธารณสุข นำทีม เจรจาอังกฤษ สร้างความเชื่อมั่น ปลดไทยพ้นบัญชี Red List

“ศุภชัย ใจสมุทร”  เผยเบื้องหลัง “ประเทศไทย” หลุดบัญชีประเทศเสี่ยงโควิด Red List จากอังกฤษ “อนุทิน ชาญวีรกูล”  นำทีม สาธารณสุข เจรจาอังกฤษ สร้างความเชื่อมั่น มาตรการสธ.ของไทย

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊ค เปิดเผยเบื้องหลังกรณี ที่ประเทศอังกฤษ ถอดไทยออกจากประเทศเสี่ยงโควิด Red List ทำให้คนไทยเดินทางเข้าประเทศอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัว และจะมีผลในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 โดยมีข้อความว่า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางการอังกฤษปลดรายชื่อประเทศไทยออกจาก “บัญชีแดง” แล้ว นี่ถือเป็นพัฒนาการด้านการควบคุมโรคโควิด – 19 ไปจนถึงการกระจายวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งน่าพอใจ จนนานาชาติยอมรับ

ย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่ไทย ยังอยู่ในบัญชีดังกล่าวนั้น จะทำให้ผู้ที่ไม่มีถิ่นพํานัก (นักเดินทางทั่วไป) ที่เดินทางจากประเทศไทยหรือผ่านประเทศไทยในรอบ 10 วันที่ผ่านมา จะไม่สามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้ ในขณะที่ผู้ที่มีถิ่นพำนัก (ศึกษาต่อหรือทํางาน) ยังสามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้ แต่จะต้องกักตัวในโรงแรมที่กําหนดเป็นระยะเวลา 10 วัน โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-3,000 ปอนด์/ราย หรือประมาณ 89,000-135,000 บาท

นี่คือภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อประเทศไทย แต่แล้ว ความกลัว และความกังวลนั้น ก็ค่อยๆ หายไป เมื่อมี “ข่าวดี” เพราะทุกอย่างมาคลี่คลายเอาเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทาง H.E. Mr. Mark Gooding OBE เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้มีโอกาสหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งผู้บริหารอีกหลายท่าน ที่ได้ใช้เวลาอันมีค่าในการชี้แจงสถานการณ์การระบาดในประเทศไทย ไปจนถึงความคืบหน้าในการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้

ซึ่ง ณ วันนั้น สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ กำลังประสบผลสำเร็จรูปธรรม เรารับมือกับวิกฤติได้แล้ว ด้วยความรู้ ความสามารถ การตัดสินใจ และการลงมือทำ ของคนทำงานที่ช่วยกัน จนทำให้จำนวนผู้ป่วยรายวันลดน้อยลงเรื่อยๆ ยอดความสูญเสีย ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกนับเท่าตัว และการฉีดวัคซีน ที่พุ่งไปถึง 46-47 ล้านโดส (ปัจจุบันมากกว่า 55 ล้านโดส)

ข้อมูลเหล่านี้ สร้างความยอมรับให้กับทางอังกฤษ นำมาซึ่งการทบทวนมาตรการที่มีต่อประเทศไทย ไปจนถึงการปรับให้ไทยพ้นจาก Red List ในที่สุด แน่นอนว่า ท่าทีของทางอังกฤษนั้น ได้สะท้อนความสำเร็จจากการลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจในการควบคุมโรคระบาดของไทย และเป็นเครื่องยืนยันความสามารถของกระทรวงสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี